สำหรับธุรกิจ ยอดอะไร ก็ไม่สู้ ‘ยอดขาย’
ในโลกของคนทำคอนเทนต์ ยอดคนดู ยอดคนมีส่วนร่วม อาจเป็นเครื่องวัดความสำเร็จของเนื้อหาที่ทำ แต่ในยุคนี้ที่ครีเอเตอร์ต่างมีเทคนิคการทำคอนเทนต์ให้คนดูมากมายแล้ว ความสามารถสร้างเงินจากคอนเทนต์เลยกลายเป็นอีกจุดตัดสำคัญของวงการนี้
หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้คอนเทนต์สามารถสร้างรายได้ ก็คือโปรแกรม Shopee Affiliate ทั้งผ่านการแปะลิงก์ และการปักตะกร้าในคลิปบน YouTube ผ่านระบบ YouTube Shopping Program เพื่อให้คนดูสามารถซื้อสินค้าหลากหลาย Catergory ผ่าน Shopee ระหว่างดูคลิปได้เลยโดยมี Journey ในการซื้อไม่ซับซ้อน
Brand Inside มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณเฟรช – ฐานิดา อเนกกิจเจริญ เจ้าของช่อง FreshZ ครีเอเตอร์สายรีวิวแกดเจ็ตวัย 24 ปี ผู้สร้างยอดขายหลัก 30 ล้านบาท ภายในครึ่งปี บนโปรแกรม Shopee Affiliate ลองมาทำความเข้าใจถึงจุดเริ่มต้นของคุณเฟรช แนวคิดในการสร้างคอนเทนต์ที่นำไปสู่การซื้อขายจริง รวมถึงเทคนิคสร้างรายได้ผ่าน YouTube Shopping Program ตลอดจนคำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นได้ผ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้เลย
จุดเริ่มต้นของช่อง FreshZ
การทำคอนเทนต์ของแต่ละคนก็อาจจะมีจุดเริ่มต้นแตกต่างกันไป แต่สำหรับคุณเฟรช จุดสตาร์ทในวงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ตอน ม.2
คุณเฟรชเล่าให้เราฟังว่า “ก็ทำแนว Minecraft รีวิวเมาส์ คีย์บอร์ด รีวิวของเล่น ทำมาจนถึงประมาณ ม.5 ก็ได้ 100,000 Subscribers แล้ว แต่ก็เลิกทำไปพักนึงเพราะเข้ามหาวิทยาลัย”
จุดที่เริ่มทำช่องจริง ๆ ของคุณเฟรชอยู่ที่ช่วงเรียนปี 2 ที่ต้องรับบทเป็น Project Manager คุมทีมเพื่อทำคอนเทนต์บน YouTube 3 คลิป ส่งอาจารย์ เธอเล่าว่า “ช่วงนั้นก็เห็นว่าเราสามารถจะเอาช่องเก่าที่เราเคยมี 100,000 Subscribers มาต่อยอดได้” และคลิปที่ยอดวิวยังวิ่งอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นคลิปรีวิวแกดเจ็ตต่าง ๆ
แต่ความท้าทายคือพอมาดูจริง ๆ คือ “ช่องของเรา Subscribers เยอะก็จริง แต่หายไป 2 ปี ยอดวิวมันเหลือไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ” คุณเฟรชบอก ก็เลยต้องปรับตัวหลายอย่างมาก ศึกษาช่องทั้งไทยและเทศ โดยทำทั้งปรับ CI ใหม่ หาสินค้ากระแสดีมารีวิว
หนึ่งในสิ่งที่ได้เจอจากการได้ลองศึกษาหลาย ๆ ช่องก็คือการแปะลิงก์ Affiliate ซึ่งแม้จะจบคลาสนั้นไปแล้ว แต่ยอดวิวและยอดขายจากคลิปก็วิ่งตลอดในช่วง 2 – 3 เดือน “จากเดือนแรกที่ขายของได้ 20 ตัว ก็ขยับมาเป็น 100 ตัว 200 ตัว” คุณเฟรชบอกว่าจากจุดนี้ “เรามองว่า เอามาเป็นรายได้ในอนาคตของเราได้”
Content is still a King
ในแวดวงคนทำคอนเทนต์และการตลาดออนไลน์ จะมีคำนึงที่ค่อนข้างดังคือ Content is King หมายความว่าตัวคอนเทนต์ที่ดีจะ ‘ขายได้โดยตัวมันเอง’
แม้คำนี้อาจดูเสื่อมมนต์ขลังลงไปบ้างในยุคที่คอนเทนต์มีข้อกำหนดการเข้าถึงตามนโยบายของแต่ละแพลตฟอร์ม และจำนวนคอนเทนต์เองก็เฟ้อขึ้นในช่วงหลายปีให้หลัง
แต่คุณเฟรชก็เชื่อว่า สุดท้ายแล้ว “ยอดมันก็มาจากการที่คอนเทนต์เราดี สุดท้ายถ้าคนดูซื้อสินค้าแล้วชอบ เค้าก็จะมากดซื้อผ่านลิงก์ Affiliate ที่เราแปะไว้” เธอแนะนำเพิ่มอีกว่า ถ้าอยากให้คนซื้อผ่านเรา “อย่างแรกจริงๆ เราก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีก่อน ต้องมั่นใจจริงๆ นะว่ามันดี ถึงจะกล้าแนะนำ”
“บางคนเวลารีวิว เค้าก็เน้นเป็น Tie-in หรือว่าแค่ใช้นิดนึงแล้วก็ตัดจบคลิปไป แต่ของเราคือแบบเน้นรีวิวจริง ๆ เลย ใช้จริง ถ้าเกิดสินค้าชิ้นนั้นยังมีขายอยู่เรื่อย ๆ แปลว่าคลิปของเราก็อาจจะถูกเสิร์ชมาเจอเรื่อย ๆ” เธอบอกว่าเวลาเลือกของมารีวิว
ไปให้ไกลกว่าแค่ ‘คอนเทนต์ดี’
คำว่าคอนเทนต์ดี ไม่ได้หมายถึงดีแค่เนื้อหา แต่ภาพรวมของการปล่อยคอนเทนต์ของช่องก็ต้องดี ปัจจุบัน ช่อง FreshZ ยังคงรักษามาตรฐานการผลิตคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง โดยผลิตคอนเทนต์ประเภท Long-Form ประมาณ 3-4 คลิป และ Short-Form อีกประมาณ 5 คลิป ต่อสัปดาห์
คุณเฟรชบอกว่า “คอนเทนต์แบบสั้นก็ต้องถ่ายใหม่ ให้มันครีเอตกว่า ใหม่กว่า ไม่ใช่แค่ครอปมาจากคลิปยาว เพราะคนดูเค้าดูออกและคิดว่าไปดู Long-Form ก็ได้” ตรงนี้คืออีกจุดของการเน้นคุณภาพคอนเทนต์
อีกหนึ่งคำแนะนำคือ หลังจากนั้นพอได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว “เราต้องพยายามหาราคาที่ดีที่สุด” เพื่อทำ Affiliate เพราะ “ยิ่งทำให้คนอยากที่จะได้อยู่แล้ว ยิ่งอยากได้ เพราะสินค้านั้นราคาดีจริงๆจริงๆ แล้วก็เป็นร้านที่เราซื้อจริง ๆ อาจจะมีการบริการที่ดี มีการรับประกันถ้าเกิดซื้อจากลิงก์ที่เราแนะนำไว้”
ความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของช่องก็ขาดไม่ได้ เพราะช่วยให้เข้าใจว่าคนดูต้องการค้นหาอะไร อย่างเคสของช่อง FreshZ “เราต้องการของราคาคุ้มค่า ด้วยรายได้ของคนไทย ซึ่งทำแล้วผลลัพธ์ค่อนข้างเวิร์กมาก ๆ”
ถึงตรงนี้ การทำ SEO (Search Engine Optimization) และตรงกับ Search Intent ของกลุ่มเป้าหมาย ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน คุณเฟรชเสริมว่าเวลาทำเรื่องนี้ “ภาพ Thumbnail ก็ต้องดี เนื้อหาต้นคลิป ชื่อคลิป คำใน Description ทุกอย่างมีรายละเอียดของมันหมดเลย ถ้าทำ SEO ตรงนี้ดีระยะยาวเราก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก”
ช่อง FreshZ กับเทคนิคการใช้ YouTube Shopping Program
คุณเฟรชเล่าให้ฟังถึงการทำช่องว่า “ช่อง FreshZ กำหนดเป้าหมายเรื่องยอดขายมาตั้งแต่ Day 1” ณ ตอนนั้น เธอยังเป็นนักศึกษาที่ยังไม่ได้มีรายได้ แต่ก็อยากหาเงินมาใช้เองสำหรับงานอดิเรกโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ เช่น การซื้อเกมมิงเกียร์ หรือของเล่น
ในยุคแรกสิ่งที่มาช่วยในการสร้างรายได้ก็คือการแปะลิงก์ Affiliate ซึ่งก็ทำมาโดยตลอด แต่ในเวลาต่อมาก็มีการร่วมมือกันระหว่าง Shopee และ YouTube Shopping Program เป็นโปรแกรมที่สามารถปักตะกร้าสินค้าบนคลิปได้เลย ซึ่งคุณเฟรชก็เคยเห็นมาบ้างในช่องต่างชาติ พอโปรแกรมนี้เข้าไทยมา คุณเฟรชบอกว่า “ก็เป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้ลองเล่น ลองใช้” และ “ก็ถือว่าเข้าทางมาก ๆ แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ทำ”
ปกติแล้วถ้าทำแค่แปะลิงก์ Affiliate “การที่คนดูจะกดซื้ออะไรมันจะมี Journey การดู กว่าจะเลื่อนลงมากดเปิด Description คือมันหลายขั้นตอนมาก ๆ” แต่คุณเฟรชมองว่า YouTube Shopping Program ช่วยให้การซื้อขายสะดวกขึ้น เพราะ “คนดูสามารถเห็นที่มุมซ้ายล่างได้ทันที กดไปปุ๊บ เข้าไปดูอะไรต้องการได้หมดเลย” ไม่ต้องสับเปลี่ยนแอป หรือข้ามแท็บไปมา ทำให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น
ไม่เพียงแต่ความสะดวกสบายสำหรับผู้ชมเท่านั้น แต่ฝั่งครีเอเตอร์เองก็ควบคุมได้ว่า “อยากให้ตะกร้าเด้งขึ้นมาตอนไหน เช่น พอเรากำลัง Call to Action ก็จะมีตะกร้าขึ้นมาทันที”
หรือในบางกรณีการขายเกิดขึ้นได้โดยไม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่รีวิวเลย “อย่างเฟรชแค่พูดหน้ากล้อง บางทีก็จะมีคนดูมาถามว่าแว่นที่ใส่ซื้อจากไหน เราก็ปักตะกร้าให้เค้าซื้อได้เลย” คุณเฟรชยกตัวอย่างเพิ่มเติม
เช่น เราจะเห็นได้ว่า “คนที่ซื้อสินค้าผ่านช่อง FreshZ ส่วนใหญ่เป็น ผู้ที่ไม่ได้ติดตามช่องถึง 70%” คุณเฟรชอธิบาย ก็อาจวิเคราะห์ต่อได้ว่าคนเหล่านี้อาจจะเข้ามาดูคลิปแค่ผลิตภัณฑ์เดียว เราก็ต้องทำ SEO ให้ดีเพื่อการเข้าถึงคนนอกช่องให้ดีเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนดูเหล่านี้
การไลฟ์ กลายเป็นอาวุธใหม่ของช่อง FreshZ จากระบบปักตะกร้า
ในโลกของคอนเทนต์ที่หลากหลาย FreshZ ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ Long-Form และ Short – Form แต่ยังใช้ประโยชน์จาก Live Streaming ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ Shopee x YouTube Shopping Program เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพได้อย่างมากอีกด้วย
จุดเด่นของการไลฟ์คือไม่ได้เป็นคอนเทนต์ทางเดียว “แต่มันเหมือนเราเป็นเพื่อนมานั่งคุยกัน มานั่งป้ายยากัน” คุณเฟรชอธิบาย
“พอคนดูอยากให้เราแนะนำอะไร เราก็มาแนะนำ จากนั้นเราก็ปักตะกร้าได้ทันทีเลยในไลฟ์” ข้อดีคือป้ายยากันได้เรียลไทม์ ปิดการขายได้ค่อนข้างง่าย แล้วคนดูก็ไม่รู้สึกว่าโดนขายของขนาดนั้น
อีกหนึ่งข้อดีของการไลฟ์คือไม่ต้องเตรียมโปรดักชันยุ่งยาก คือใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงสร้าง Conversion ได้เท่าคลิป Long-Form ที่ต้องเตรียมตัวนานกว่า
โดยในปัจจุบัน ยอดขายส่วนใหญ่ยังคงมาจาก Long-Form ที่ 70% เนื่องจากมีการสะสมคอนเทนต์มาเป็นจำนวนมากและยังคงถูกค้นหาเจออย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วย Short-Form 20% และการไลฟ์อีก 10%
YouTube Shopping Tag ดันยอดขายผ่าน Affiliate Program 30 ล้านบาท
“ช่วงแรกๆ ก็ทำคนเดียวหมดเลยค่ะ ถ่าย ตัดต่อคลิป ทำสคริปต์ วางแผนทุกอย่าง” คุณเฟรชเล่าถึงช่วงแรกของการทำช่อง จนมาถึงวันนี้ที่คุณเฟรชดึงทีมงานเข้ามาช่วยในงานต่าง ๆ แล้ว ตอนนี้ช่องสามารถทำยอดขายในระบบ Affiliate Program ของ Shopee ได้เยอะมาก
“ถ้าเอาจากแคมเปญ YouTube Shopping Tag เกือบ ๆ ครึ่งปี มียอดขายเกือบ 20 ล้านบาท” เธอเล่าเพิ่มเติมว่า “ถ้านับรวมการแปะลิงก์ Affiliate แล้ว ก็จะมียอดประมาณ 30 ล้านบาท
ยอดขายในแต่ละช่วงเวลามีความผันผวนตามพฤติกรรมของผู้ชม คุณเฟรชเล่าว่า “ช่วงสงกรานต์ หลายคนกลับบ้านต่างจังหวัด ทำให้การซื้อสินค้าอย่างแกดเจ็ตลดลง แต่ในช่วง Double Day หรือช่วงเงินเดือนออก ยอดขายสามารถพุ่งสูงขึ้นได้ถึง 3-5 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสอดรับกับแคมเปญของ Shopee ที่ร่วมมือกับ YouTube มอบโค้ดส่วนลดแรงสูงสุดถึง 5,000 บาท ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นผ่านคลิปของ Creator อย่างเรา ส่งผลให้ยอดคลิกและยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน”
คำแนะนำสำหรับครีเอเตอร์ ที่อยากทำคอนเทนต์ในยุคนี้
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการเป็นครีเอเตอร์และสร้างรายได้จากการทำ Affiliate Marketing เหมือนคุณเฟรช เธอแนะนำว่า “ให้ทำข้อมูลดูก่อนว่าแบบกลุ่มลูกค้าเราเป็นใคร” การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายคือสิ่งแรกที่ต้องทำ เพื่อให้การสร้างคอนเทนต์และการเลือกสินค้ามีทิศทางที่ชัดเจน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือของที่จะนำมารีวิว “ถ้าปักตะกร้าด้วยเฟรชก็อยากจะให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เราภูมิใจที่จะใช้และภูมิใจที่จะขาย” เพราะคนดูจะดูออกว่าไม่ได้ตั้งใจอยากจะมาแนะนำจริงๆ ซึ่งไม่ดีต่อภาพระยะยาว
การแคร์คอมมูนิตี้และสร้างความเชื่อใจคือสิ่งสำคัญมาก “คนดูสมัยนี้ ก็ไม่ได้ไม่รู้เรื่องนะ เค้ารู้เรื่องอยู่แล้ว ถ้าเราไปแนะนำของไม่ดี ภาพลักษณ์เราก็ไม่ดีตามไปด้วย”
จากนั้นคือเรื่องของโปรดักชันและการลงมือทำ “ไปเตรียมฝั่งของโปรดักชันให้ดี แต่ไม่ต้องลงทุนอะไรสูงมากก็ได้ ที่สำคัญคือต้องลงมือทำสม่ำเสมอด้วย” เธอย้ำว่าการลงมือทำสำคัญที่สุด “เทคนิคต่าง ๆ สามารถเสิร์ชได้เลย เพราะเดี๋ยวนี้ศาสตร์ของ YouTube แม้จะมีหลายองค์ประกอบมากแต่ข้อมูลค่อนข้างเข้าถึงง่าย”
อีกหนึ่งเครื่องมือสำหรับครีเอเตอร์ที่ควรรู้จักก็คือ YouTube Shopping Tag เพราะการทำคอนเทนต์แล้วปักตะกร้าเป็นสิ่งที่คุณเฟรชมองว่าเป็นการทำงานที่ เหนื่อยครั้งเดียวตอนทำคอนเทนต์ และเมื่อคอนเทนต์ดีก็จะเป็นช่องรายได้ให้เราได้เรื่อย ๆ
สรุป
การสร้างสรรค์คอนเทนต์ในยุคปัจจุบันมีวิธีการหลากหลาย หนึ่งในกรณีที่น่าสนใจก็คือกรณีของคุณเฟรชจาก FreshZ ที่แสดงให้เห็นว่า การทำคอนเทนต์รีวิวอย่างจริงใจ ควบคู่ไปกับการใช้เครื่องมืออย่าง YouTube Shopping Program สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้จริง
คุณเฟรชเน้นย้ำว่าในยุคนี้ คำว่า Content is King หรือการมองว่า ‘คอนเทนต์ดีเดี๋ยวก็ขายได้’ ก็ยังคงเป็นจริงอยู่ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องอื่น ๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็นการตั้งกลุ่มเป้าหมาย, การทำ SEO, การทำ Data Analytics, การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม ไปจนถึงการทำ Affiliate Marketing ก็เป็นเรื่องที่ทำให้คอนเทนต์ที่ดีอยู่แล้ว ดีขึ้นไปอีกทั้งในเชิงคอนเทนต์และธุรกิจ
และที่น่าจับตาคือความร่วมมือระหว่าง Shopee และ YouTube ที่เปิดโอกาสให้ Creator สามารถเชื่อมต่อประสบการณ์การชมและช้อปไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ผ่านเครื่องมือ YouTube Shopping Program ที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขายอย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังสร้างพื้นที่ใหม่ในการเติบโตของครีเอเตอร์ไทยในโลกของอีคอมเมิร์ซอีกด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา