บทความโดยวรุตม์ พงศ์พิพัฒน์
ปฎิเสธไม่ได้ว่าความเชื่ออย่างการดูดวงเป็นสิ่งหนึ่งที่คู่กับคนไทยมานาน ในอดีตการดูดวงมักโผล่ในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ หรือจุดรับดูดวงตามที่ต่างๆ เช่น ท่าพระจันทร์ หรือสำนักหลากหลาย จนการเข้ามาสู่ยุคดิจิตอล เราสามารถเห็นการดูดวงได้ทั่วไป นับตั้งเว็บไซต์ดูดวง เพจดูดวง ไปจนถึงการดูดวงในไลน์ที่แม้แต่ตัวไลน์เอง ก็มีบริการดูดวงส่งตรงถึงจอมือถือ
ทั้งนี้การที่เห็นว่าคนรุ่นใหม่สนใจในศาสตร์การดูดวงเยอะ บางส่วนอาจจะเกิดจากการเกิดขึ้นของสื่อสังคมออนไลน์และความเฟื่องฟูของโลกอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้ทุกความสนใจแสดงออกได้โดยง่าย ผิดกับโลกการดูดวงในยุคสื่อสิ่งพิมพ์ ที่เราจะเห็นการดูดวงได้ไม่บ่อยนัก ผิดกับโลกยุคใหม่ที่การดูดวงถูกใส่เข้าไปในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ต่างๆ ไปจนถึงการบริการลูกค้าของสถาบันการเงินที่มีการส่งต่อข้อมูลการดูดวง ผ่านการจ้างหมอดูเข้ามาผลิตคอนเทนต์ให้
เมื่อทุกอย่างเข้าถึงง่ายขึ้น ภาพการ “ใช้บริการ” การดูดวง หรือการตอบสนองต่อความเชื่อและจิตใจ ก็เห็นได้ไปทั่วทั้งสื่อสังคมออนไลน์ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความเป็นธุรกิจเบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้
พิชา กุลวราเอกดำรง หรือแม่หมอพิมพ์ฟ้า เจ้าของเพจ “พิมพ์ฟ้ามาโปรด” (ชื่อเดียวกันใน Tiktok Twitter และ Youtube) แม่หมอยุคใหม่ในวัย 30 กว่าปี ยืนยันว่า “หมอดู” เป็นอาชีพผู้ให้บริการทางความเชื่อ และเธอก็ไม่ปฏิเสธถึงการ ‘หากินกับความเชื่อ’
“เราไม่กล้าปฏิเสธคำพูดนี้ ยอมรับเลยดุษฎีเลย คือมันเป็นความเชื่อจริงๆ แล้วเราก็ทำอาชีพกับมันจริงๆนะแต่ว่าถ้าสมมุติเรามองการดูดวงอีกแบบหนึ่งมองว่าเราเป็นวิชาชีพ การดูดวงด้วยโหราศาสตร์ไพ่ยิปซีมันเป็น Know How คนมาใช้บริการเรา เราอ่านไปตามที่เราเรียนมาแล้วเราให้ข้อมูลเขาไปอย่างนั้น เราอธิบายเขาว่าเราอ่านอย่างนี้เพราะอะไร และเงินที่เขาจ่ายมาคือค่าบริการของเรา”
พิมพ์ฟ้า อธิบายต่อว่าภาพลักษณ์ของหมอดูในอดีต ในความเห็นของเธอแล้วนั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนผู้ทรงศีล และการมีภาพลักษณ์แบบครูบาอาจารย์ที่เหมือนคอยช่วยเหลือผู้คน
“เราคิดว่าหมอดูอายุเก่าเนี่ย เขาจะพูดถึงเป็นค่าครูหรือมันจะมีแบบ มีความเก่าๆ ไทย ๆ นิดนึง อธิบายยังไงดี เหมือนมีพระคุณกัน มันเป็นคนละฟีลกันกับปัจจุบัน แต่อย่างในคนที่ดูดวงมาก่อนเรา เขาก็อาจจะไม่ชอบฟีลปัจจุบัน เหมือนคนมองครูเป็นเรือจ้าง แบบเป็นพนักงาน กับคนมองครูเป็นผู้มีพระคุณ หมอดูบางกลุ่มที่ไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นผู้ให้บริการ แต่มองว่าเหมือนตัวเองเป็นครูบาอาจารย์”
หรือแม้แต่ประเด็นเรื่องการเก็บค่าบริการการดูดวงในลักษณะ ‘แล้วแต่ศรัทธา’ ของหมอดูหลายคน พิมพ์ฟ้าก็ไม่ได้เห็นด้วย เนื่องจากเธอมองว่า เมื่อการดูดวงเป็นเช่นการทำงาน การระบุรายละเอียดของผลตอบแทนจึงเป็นสิ่งที่ควรกำหนดไว้ เพื่อความเข้าใจร่วมกันแต่แรก
“เราคิดว่าทุกอย่างมันควรจะชัดเจน เพราะว่าถ้ามันไม่ชัดเจน ไม่ระบุอะไร จะมีความหมิ่นเหม่ของความไม่พอใจเกิดขึ้นได้เยอะเยอะ เหมือนเวลาเราไปสมัครงาน แล้ว HR มีความไม่ชัดเจน พอไปทำงานปุ๊บ เรารู้สึกว่ามันหนักไปก็อาจจะไม่พอใจเงินเดือน แต่ถ้า HR กำหนดกรอบของการ เราจะต้องทำอะไรเป็นบ้างทำอะไรไม่เป็น เงินเดือนเท่าไหร่ กรอบเวลาชัดเจน คนไปทำก็ตกลงกันแล้วมันก็พูดอะไรไม่ได้ สำหรับเราเราก็จะหนักมาทางหลัง เราก็เลยรู้สึกว่าค่าครูมันควรกำหนดให้ชัด ไม่ว่าจะเวลาในการดูดวง หรือศาสตร์ที่จะใช้ในการดูดวงแต่ละครั้ง”
เพราะหมอดู ไม่ได้มีรายได้แค่จากดูดวง
พิมพ์ฟ้าอธิบายในประเด็นรายได้ของอาชีพหมอดูว่าไม่ได้มาจากการดูดวงเพียงอย่างเดียวอย่างที่หลายคนเข้าใจ
“เราคิดว่าในยุคก่อนคนดูดวง ก็คือคนดูดวงแล้วก็มีคนดูดวงที่แบบขายของนะ ออกนึกภาพออก ดูแล้วขายของ ดูแล้วมีบริการเสริม เช่นแก้เคล็ดดวง หรืออะไรอย่างนี้ มันก็จะเป็นแบบเหมือนเส้นทางของเขา เขาก็ไปเรียนมาอะไรอย่างนี้มันก็เป็นทางของเขา วิธีเสริมก็มีหลากหลาย ทำพิธีกรรมจุดเทียน เราน่าจะเคยเห็นวิธีทำเสริมดวงอะไรกันแบบนั้น แต่ว่าในยุคสมัยใหม่ นอกจากไอ้พวกเสริมดวง ขายของแล้วอ่ะหมอดูมันยังเป็น Influencer ได้ด้วย ที่มันสามารถมีรายได้ทางอื่น”
พิมพ์ฟ้าอธิบายว่าการเป็นหมอดู หากสามารถเป็น Influencer ได้ ก็จะสามารถเชื่อมโยงเข้ากับสินค้าเกี่ยวกับดวงได้ทั้งหมด เช่น สร้อยข้อมือมงคล ก็สามารถจ้างหมอดูให้มาช่วยโปรโมตได้ หรืออย่างตัวเธอเองก็ทำงานกับ CIMB Thai ที่จะมีการอัพเดตดวงรายเดือนทุกเดือนให้ใน LINE@ เป็นเนื้อหาพิเศษสำหรับลูกค้า ซึ่งเธอจะเป็นผู้เขียนตัวดวงนี้ให้
“ประกันตัวนึงเคยออกประกันปีชงแล้วเอาหมอดูมาพูดว่าปีชงคืออะไรแบบนี้ก็เป็นรายได้ของหมอดูได้เหมือนกันเพราะฉะนั้นเนี่ยเส้นทางของการที่แบบเป็นหมอดูมันไม่ใช่การดูดวงอย่างเดียวแล้วในสมัยนี้มันเป็น Influencer ได้ มันพูดถึงอะไรได้ เราก็เลยบอกว่าเฮ้ยเงินมันหลากหลาย มันไม่ใช่แค่การดูดวงอย่างเดียวนะ”
นอกจากนี้วอลล์เปเปอร์มูเตลู หรือวอลล์เปเปอร์หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ถูกออกแบบมาจากไพ่ยิปซี ก็เป็นหนึ่งในนวัตกรรมรายได้แบบใหม่ของคนในสายอาชีพหมอดู พิมพ์ฟ้าเล่าว่าช่วงที่เธอทำบริษัทเกี่ยวกับการมูเตลู หรือการบูชา การเสริมดวง รายได้จากการขายวอลเปเปอร์มูเตลูที่เข้าสู่บริษัทมีมากถึงเกือบ 8 หลัก
ทว่ารายได้เหล่านี้กลับเริ่มมาจากความบังเอิญ พิมพ์ฟ้าเล่าว่า เธอลองทำไฟล์ภาพไพ่ยิปซีที่มีอยู่มาเป็นภาพโปรไฟล์ในไลน์ แล้วปรากฏว่าปัญหาที่มี ณ ช่วงเวลานั้น กลับทุเลาลง จากนั้นมีลูกค้าเซฟไปใช้ จากนั้นปัญหาก็ทุเลาลงเช่นกัน
ฟีดแบคจากลูกค้า ทำให้พิมพ์และอดีตหุ้นส่วนเริ่มมาคิดจริงจังกับวอลเปเปอร์มูเตลูมากขึ้น และนำมาประยุกต์ใช้เป็นหนึ่งในช่องทางรายได้ใหม่
เบื้องหลังปรากฎการณ์ที่พิมพ์ฟ้านิยามว่า “ถูกหวย” นี้ เป็นความบังเอิญที่พิมพ์ฟ้าไปจ้างให้นักวาด วาดภาพไพ่ยิปซีทั้ง 78 ใบไว้และเป็นกรรมสิทธิ์การใช้ของเธอ และเธอสามารถนำมาใช้ในการออกแบบฟังชั่นวอลเปเปอร์มูเตลูให้กับลูกค้าได้อย่างหลากหลาย
“ของเรามันเป็นบังเอิญมากที่ทำไว้ก่อนแล้วซึ่งตอนทำ ไม่มีจุดประสงค์อะไร แค่อยากทำเว็บสับไพ่รายวัน แต่ก็ไม่อยากเอาไพ่ลิขสิทธิ์คนอื่น ก็สั่งวาดเป็น access ของตัวเองแล้วก็ไม่ได้ใช้ดองอยู่ในไดรฟ์ Google เหมือนเราเก็งข้อสอบไว้ถูก”
กรรมสิทธิ์ และลิขสิทธิ์ในไพ่นี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะแม้ต้นฉบับของไพ่ยิปซีจะผ่านเวลาเนิ่นนาน จนไม่มีลิขสิทธิ์ติดอยู่ แต่ไพ่ยิปซีที่มีขายทั่วไป ย่อมมีลิชสิทธิ์ผูกพัน ทั้งการเจ้าของผลงานการวาด และบริษัทผู้ว่าจ้าง การจะนำไพ่ยิปซีลายที่มีลิขสิทธิ์อยู่มาใช้จึงเป็นเรื่องต้องห้าม
ลิขสิทธิ์และการออกแบบไพ่นี้ ส่งต่อไปยังอีกวิถีทางของรายได้ ซึ่งก็คือการวาดภาพและออกแบบชุดไพ่ขาย พิมพ์ฟ้าอธิบายว่าเธอเคยเห็นปรากฎการณ์ที่สามารถขาย 1,500 ชุด หมดได้ใน 24 ชั่วโมง ในราคาชุดละเกือบ 1,000 บาท
หมอดูคือ ศาสตร์?
พิมพ์ฟ้าอธิบายว่าการดูดวงแม้จะเป็นเรื่องที่ผูกโยงกับความเชื่อ แต่หากอธิบายแล้ว การดูดวงหลายรูปแบบก็มีการลักษณะที่เชื่อมโยงกับความเป็นศาสตร์ โดยรูปแบบที่เธอใช้คือ โหราศาสตร์ และไพ่ยิปซี
โดยพิมพ์ฟ้าอธิบายว่าสำหรับเธอแล้ว โหราศาสตร์มีหลักการทางการเคลื่อนย้ายของดวงดาวประกบคู่อยู่กับการทำนาย เป็นการอธิบายดวงชะตาของผู้คน โดยอาศัยหลักของการเคลื่อนที่ของดวงดาว ซึ่งต่างกับการขอพร หรือ มูเตลู
“โหราศาสตร์ มันจะพูดถึงการย้ายของดวงดาว ดวงดาวจริง ๆ นะคำนวณกันมา ดาวย้ายเรื่องถึงเรื่องถึงเกิด เพราะฉะนั้นเนี่ยเราไม่ต้องไปไหว้ ถ้าตามหลักโหราศาสตร์ เรื่องมันจะเกิดเพราะดาวย้าย แต่พอมีดวงดาวเข้ามา สี ตัวเลขตัว อักษรที่เป็นชื่อ Concept ทั้งหมดถ้าเรียนโหราศาสตร์ไทยมันก็จะไปได้หมดเลย ตั้งแต่เบอร์โทรศัพท์ คุณก็จะได้นะ เลขมงคลคุณก็จะได้ เรื่องสีคุณจะได้ มันจะได้ด้วยกันหมด เพราะว่ามันอยู่ในอันนี้”
ซึ่งหลักการทางโหราศาสตร์นั้น พิมพ์ฟ้าอธิบายต่อว่ามีเรื่องของความเป็นสถิติเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะไม่เพียงแต่การอธิบายเกี่ยวกับดวงดาว การแทนค่าต่างๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงของดวงดาว ก็ส่งผลถึงความ ‘แม่น’ หรือ ‘ไม่แม่น’
“หลักการน่ะ ถ้าเป็นหมอดูโหราศาสตร์นะ อ่านมาก็จะคล้ายๆ กัน อย่างเวลาเราเห็นดวงเมืองแล้วหมอดูอาจจะพูดไม่แม่น อาจจะมาจากว่าการแทนสมการ ค่า a ด้วยคนนี้ ค่า b ด้วยคนนี้ อาจจะแตกต่างกัน ผลเลยอ่านออกมาไม่เหมือนกัน”
กล่าวคือ ไม่เพียงแต่รู้หลักการของดวงดาว แต่คือแทนค่า และแปลผลให้ออกมาอย่างไรต่างหาก
“เราพยายามดูดวงโดยการอธิบายว่าดาวดวงนี้มาทับกันมันทำให้เป็นแบบนี้ ดูภาพไปด้วยกันนะ เขาก็จะเข้าใจว่ามันเป็นศาสตร์ถ้าไม่ใช่ Choice a มันจะอ่านแบบนี้ได้เหมือนกัน เราจะให้ information ทั้งหมดว่ามันอ่านแบบ 1 แบบ 2 แบบ 3 ได้”
นอกเหนือจากโหราศาสตร์ไทยที่ใช้เป็นแกนหลัก พิมพ์ฟ้าก็กำลังสนใจและศึกษาเรื่องโหราศาสตร์แผนที่ของต่างประเทศ
“โหราศาสตร์แผนที่ของฝรั่ง เขาเอาไว้ดูว่าแบบเราไปอยู่ประเทศอะไรดีแบบนี้ อันนี้สนุก…มันก็จะเป็นเหมือนแบบคำนวณออกมาแล้วก็วางดวงดาวบนแผนที่โลก ดูว่าเส้นที่ประสบความสำเร็จพาดผ่านประเทศอะไร ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามันมีกระแสคนที่อยากย้ายประเทศ พอโพสต์ลงไปในเพจ คนก็มาสนใจกันเยอะเหมือนกัน”
ในส่วนของไพ่ยิปซี พิมพ์ฟ้าก็ได้อธิบายหลักการคร่าวๆ ถึงการสุ่มความน่าจะเป็น
“ไพ่ยิปซี Concept ของมันคือ ไพ่มี 78 ใบ การหยิบขึ้นมา 1 ครั้งจาก 78 ใบ และสมมติจะหยิบขึ้นมา 10 ใบ ความน่าจะเป็นก็เป็นไปได้เยอะมาก และสิ่งนี้มันสำคัญ เหมือนเล่าดวงของเราเป็นเซียมซี ถ้าเรารู้สึกว่าเซียมซีมันแม่น ไพ่ยิปซีก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่ามันวิธีอ่านของมัน ในแบบที่ไม่ใช่เปิดมาเป็นตัวอักษรเลย”
คนไทยส่วนใหญ่เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น
Pew Research Center ได้เผยแพร่งานวิจัยชื่อว่า “Buddhism, Islam and Religious Pluralism in South and Southeast Asia” ศึกษาการความเชื่อทางศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม และความเป็นพหุวัฒนธรรมทางศาสนาของประเทศในเอเชียใต้และอาเซียน ประกอบด้วยความเชื่อของประเทศกัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ศรีลังกา และไทย
การสำรวจความเชื่อในประเทศไทยมาจากการทำแบบสอบถามของกลุ่มตัวอย่างคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 2,504 คนจากการสุ่มเลือกครัวเรือน ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 1 กันยายน 2022
ผลการสำรวจมีข้อมูลที่น่าสนใจพบว่า
- 95% เชื่อเรื่องกรรม
- 81% เชื่อในพระเจ้าหรือสิ่งที่มองไม่เห็น
- 86% เชื่อเรื่องโชคชะตา
- 65% มองว่าศาสนาสำคัญกับชีวิต
- 49% เชื่อว่ามนต์และคำสาปแช่งมีผลกับชีวิตคน
- 24% รู้สึกว่าถูกปกป้องหรือถูกทำร้ายจากสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อปี
นอกจากนี้ คนไทยโดยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและสายมูกันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว กิจกรรมที่ทำและเห็นกันอยู่จนชินตานี้อาจเป็นพื้นฐานที่ส่งผลให้การต่อยอดธุรกิจสายมูเตลูทำได้ง่ายขึ้นโดย 3 กิจกรรมที่คนไทยรู้จัก เข้าใจ และฝึกฝนกันอยู่แล้ว คือ
- 84% เคยจุดธูป
- 63% เคยฝึกการนั่งสมาธิ
- 30% สวดมนต์ทุกวัน
ดังนั้นไม่น่าใช่เรื่องแปลกใจ ที่ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน เป็นคนเจนเนอเรชันไหน สิ่งที่ยังคงสืบทอดต่อกันมาคือการเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น แม้รูปแบบอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่แกนหลักยังคงอยู่เหมือนเดิม ทำให้คนที่เป็นหมอดูเอง ก็ต้องปรับเปลี่ยนการเข้าห้องลูกค้าด้วยเช่นกัน
คนดูดวง
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และช่วงเวลา ค่านิยมและลักษณะของลูกค้าที่มาดูดวงกับพิมพ์ฟ้าล้วนบอกเล่าความน่าสนใจบางอย่าง เธออธิบายว่า ในกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่นั้น การดูดวงมีความท้าทายเพราะพวกเขาเหล่านั้น มักศึกษาเรื่องการดูดวงในรูปแบบต่างๆ มาเช่นเดียวกัน
“เขาเข้าถึง Information อยู่แล้ว แต่ว่าเขาอาจจะไม่มีความชำนาญ เขามาคุยกับเราที่มีความชำนาญ เขาอยากรู้ว่าเราจะแปลผลเหมือนเขาไหม คือบางทีเขาไปศึกษามามา น้องอยากรู้ process พอคนที่มีพื้นฐานมี process มาพอคุยกันโอเคมันง่าย คือเขาก็จะรู้ว่าไพ่นี้แปลว่าแบบนี้ได้ด้วย”
ในขณะเดียวกันกับลูกค้าเก่าวิธีการอาจต่างออกไป
“ลูกค้าเก่าที่พิมพ์เคยดูกันมาเขาก็จะโตมากับพิมพ์นะแต่ว่าเหมือนว่าเราต้องมา อธิบายกันเยอะๆ นิดนึง เพราะระยะหลังพิมพ์พยายามพูดอะไรที่มันเป็นดวงดาว แต่ยุคแรกเราดูไพ่ยิปซีเป็นหลัก เพราะความเป็นเหตุเป็นผลของไพ่ยิปซีกับความเป็นเหตุเป็นผลของทางดวงดาวมันต่างกัน ถ้าสมมุติเขาเป็นลูกค้าพิมพ์เก่ามากๆตั้งแต่พิมพ์ยังไม่เริ่มดูโหราศาสตร์เขาจะรับมือไม่ทัน”
นอกจากรูปแบบลูกค้าที่แตกต่างกันแล้ว การรับมือกับอารมณ์และความคาดหวังของลูกค้าก็เป็นสิ่งที่พิมพ์ฟ้าต้องเผชิญ
“โดยส่วนมากเราจะรับโดยการพิมพ์ตอบทางข้อความ เพราะฉะนั้นการพิมพ์กับการพูดและการเจอหน้าไม่เหมือนกันแล้วพิมพ์จะมีช่วงเวลาที่ชัดเจนว่าเราจะดูกันกี่นาที การพิมพ์ในแชท เราจะรับมือได้เพราะว่ามันมีเส้นกั้นแล้วเราก็จะมีเวลาคิดแล้วพิมพ์ไป ดังนั้นสิ่งที่ยากคือเจอหน้ากับโทรศัพท์ เจอหน้าเราเลี่ยงอยู่แล้วก็ตัดออกไป ส่วนโทรศัพท์ช่วงหลังๆ มาเราจะต้องโทรศัพท์คุย โห…. อันนี้รับมือยากต้องเป็น Therapist ต้องฟัง เวลาพิมพ์เราจะมีเวลาให้คิดแต่เวลาฟังปุ๊บมันต้องตอบสนองทันที อารมณ์มันมาเต็มอ่ะ อารมณ์ที่เป็นตัวอักษรกับอารมณ์ที่เป็นคำพูดมันคนละแบบเลยนะ แล้วเราต้องรับมืออย่างไร เราพูดอย่างไร แล้วไอ้คำว่ารับมืออย่างไร พูดอย่างไรมันจะมากับมายเซ็ทของหมอดูที่มองเรื่องด้วย ว่าดวงสามารถทำพิธีแก้ได้ไปไหว้ได้ ก็จะแนะนำว่าชีวิตจะดีขึ้นไม่เป็นไรเดี๋ยวจะดีขึ้น”
“เราเป็นคนที่คิดว่า spiritual มีจริงแต่ไม่คิดว่าทั้งหมดคือ spiritual เวลาแนะนำไหว้ก็ไหว้ แต่ว่าอีกประมาณ 95% มาเตรียมแผนกันดีกว่าว่าจะแก้ปัญหา”
เพราะสุดท้ายแล้ว สำหรับพิมพ์ฟ้าการดูดวงคืองานบริการ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา