แม้เมื่อไตรมาส 3 ของปี 2561 บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส ผู้ให้บริการตู้เติมเงินบุญเติม จะเจอคู่แข่งรายใหญ่ที่มาตั้งตู้เติมเงินประกบบริเวณหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น แต่สุดท้ายแล้วสิ้นไตรมาส 3 ตู้บุญเติมก็ยังเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดนี้
1.3 แสนตู้ กับกลยุทธ์แบบไม่ขายขาดที่สำเร็จ
ตู้เติมเงินนั้นอยู่คู่กับคนไทยมานานแล้ว เพราะด้วยเลขหมายโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่เป็นระบบเติมเงิน และนอกจากไปเติมที่ร้านสะดวกซื้อแล้ว ตู้เติมเงินก็เป็นอีกวิธีที่ง่าย ซึ่งจุดนี้เองทำให้ “ตู้บุญเติม” สามารถเติบโต และเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด ผ่านจำนวนตู้สิ้นไตรมาส 3 ปี 2561 ทั้งหมด 1.3 แสนตู้ และมูลค่าการใช้งาน 31,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมียอดใช้บริการต่อวันถึง 2.1 ล้านครั้ง (เฉลี่ยคนละ 55 บาท/ครั้ง) ผ่านผู้ใช้งานประจำ 25 ล้านเลขหมาย แต่บริการของตู้บุญเติมก็ไม่ได้มีแค่เติมเงินโทรศัพท์มือถือ แต่มีบริการให้เลือกใช้หลากหลายกว่า 72 บริการ และรองรับการใช้งาน 4 ภาษาเพื่อตอบโจทย์แรงงานต่างชาติด้วย
ทั้งนี้กลยุทธ์การทำตลาดตู้บุญเติมไม่ได้เป็นแบบขายขาดเหมือนตู้เติมเงินในอดีต แต่ใช้การขายในรูปแบบตัวแทน และใช้รูปแบบเช่าใช้ พร้อมแบ่งรายได้ที่เกิดขึ้นจากการเติมเงิน หรือใช้บริการต่างๆ แทน ซึ่งล่าสุดบริษัทมีตัวแทน 185 ราย นอกจากนี้ยังมีการไปพาร์ทเนอร์กับห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อเพื่อตั้งตู้บุญเติมเช่นกัน
บริการหลักยังมาจากเติมเงินมือถือ แต่โอนเงินก็เริ่มมา
สำหรับบริการทั้งหมด 72 แบบนั้น หากแบ่งตามรูปแบบการใช้งาน ที่มากที่สุดคือเติมเงินโทรศัพท์มือถือ คิดเป็น 72.2% ของวงเงินหมุนเวียนทั้งหมด ถัดมาเป็นโอนเงิน 17.5% และซื้อบัตรเงินสด กับเติมเงินเข้าอีวอลเล็ต 4.3% ซึ่งตัวบริการโอนเงินนั้นเพิ่งเปิดตัวก่อนหน้าไตรมาส 3 ไม่นาน แสดงให้เห็นถึงความต้องการของผู้ใช้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันภาพรวมมูลค่าการเติมเงินโทรศัพท์มือถือนั้นมีทั้งหมด 31,300 ล้านบาท โดย 22% ของจำนวนดังกล่าว หรือ 7,110 ล้านบาทเป็นการเติมเงินผ่านตู้บุญเติม เพิ่มขึ้นจาก 16% เมื่อปี 2559 และหากรวมตู้เติมเงินอื่นๆ เข้ามาด้วยจะมีสัดส่วน 28% ซึ่งจะกลายเป็นช่องทางการเติมเงินที่มีผู้บริโภคใช้งานมากที่สุด
เดินหน้าเป็นมากกว่าแค่ตู้เติมเงินรับตลาดเปลี่ยน
อย่างไรก็ตามถึง “ตู้บุญเติม” จะเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องตู้เติมเงิน แต่บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส ก็ยังพยายามขยายไลน์ธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว BeWallet เพื่อรองรับตลาดอีวอลเล็ต รวมถึงการสร้าง Bemall เพื่อลุยตลาดอีคอมเมิร์ซด้วย พร้อมกับตั้งเป้ายอดมูลค่าใช้บริการภาพรวม 48,000 ล้านบาทในปี 2562
สรุป
ตลาดตู้เติมเงินอาจเลยจุดที่แข่งขันกันสูงๆ ไปแล้ว ประกอบกับกลยุทธ์ของตู้บุญเติมนั้นเดินมาถูกต้อง จึงไม่แปลกที่จะรักษาเบอร์หนึ่งเอาได้อีกระยะแน่ๆ อย่างไรก็ตามก็ต้องไม่ประมาทคู่แข่งรายใหญ่ด้วย มิฉะนั้นอาจตกขบวน และเสียส่วนแบ่งให้กับคู่แข่งง่ายๆ ได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา