ตลาดกระบะพ้นจุดต่ำสุด Ford มองปี 2025 ฟื้นตัวแน่นอน พร้อมวางแผนบริหารสาขาดีลเลอร์ที่เหลืออยู่ 148 แห่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ชูเรื่องความแกร่งจูงใจลูกค้า แง้มกระบะ PHEV มีขายแล้วที่ออสเตรเลีย Riddara เตรียมผสานการทำตลาดร่วมบริษัทแม่ Geely ในไทย พร้อมตั้งโรงงานประกอบหากมียอดขาย 6,000 คัน/ปี
Ford มองปี 2025 ตลาดกระบะฟื้นตัว
รัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า ในปี 2025 ภาพรวมตลาดรถยนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะจะกลับมาดีขึ้น ผ่านการที่หน่วยงานของรัฐบาลเริ่มเข้ามาช่วยเหลืออุตสาหกรรมนี้ รวมถึงฝั่งสถาบันการเงินยังคาดการณ์การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยเพิ่มเป็น 6-6.2 แสนคัน ผ่านการปล่อยสินเชื่อมากกว่าเดิม
สำหรับ Ford ในประเทศไทย ภาพรวมยอดขายในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 จะอยู่ที่ 17,447 คัน และสิ้นปี 2024 จะเพิ่มเป็นราว 21,000 คัน แม้ยอดขายดังกล่าวจะลดลงจากที่เคยทำได้ในปี 2023 แต่ส่วนแบ่งในตลาดรถกระบะและรถ PPV ของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ผ่านกลุ่มรุ่นราคาสูงที่จูงใจผู้ซื้อได้มากกว่าเดิม
บริษัทมีการบริหารจัดการกลุ่มดีลเลอร์ที่ลดลงเหลือ 148 แห่ง จากที่เคยมีอยู่ 169 แห่งในปี 2023 ผ่านการเพิ่มรถให้บริการซ่อมบำรุงจำนวน 112 คันทั่วประเทศไทย ควบคู่กับการบริหารจัดการดีลเลอร์ให้มีความครอบคลุมกับจำนวนรถในตลาด เช่น ใน กทม. เมื่อคำนวณจากเจ้าของรถจะใช้เวลาราว 30 นาที จะถึงศูนย์บริการ
ชูเรื่องความแกร่งขับเคลื่อนการตลาด
ในมุมการตลาดเพื่อรับกับการเติบโตที่กำลังจะกลับมาในปี 2025 ทาง Ford มีแผนชูเรื่อง ความแกร่ง ควบคู่กับการสื่อสารไปที่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีราคาในใจราว 1.2-1.3 ล้านบาท และต้องการซื้อรถ PPV เพราะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มและราคาเดียวกัน Ford ค่อนข้างมีความเหนือกว่า
“ผมมองว่ากระบะมันลดลงเยอะ แต่ภาพรวมรถยนต์ไฮบริดมันก็เติบโตเยอะเช่นกัน เพราะผู้บริโภคเริ่มรู้ว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีปัญหาอะไรบ้าง, บริการหลังการขายดีหรือไม่ และต้องวางแผนใช้งานหากไปในระยะไกล ทำให้คนเริ่มลังเลในการซื้อ ยิ่งฝั่งญี่ปุ่นเองไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ทำให้เขาต้องทำตลาดรถยนต์ไฮบริดอย่างเข้มข้น”
สำหรับ Ford ปัจจุบันมีการทำตลาดรถกระบะไฟฟ้าในรูปแบบ PHEV แล้วในชื่อรุ่น Ford Ranger PHEV อยู่ระหว่างเตรียมจำหน่ายในประเทศออสเตรเลีย ส่วนการนำเข้ามาทำตลาดในไทยอาจค่อนข้างมีปัญหาเรื่องภาษี จนสร้างความลำบากในการวางราคา
Riddara ต่อยอดจาก BEV สู่ PHEV
ด้าน หลิง ซื่อ เฉวียน ประธานกรรมการบริหาร Geely Auto Riddara แจ้งว่า ด้วยภาพรวมตลาดรถยนต์ในไทยจะฟื้นตัวในปี 2025 ทำให้บริษัทเตรียมทำตลาดรถกระบะเพิ่มเติมในปี 2025 ที่เป็นรถกระบะแบบ PHEV หลังจากเปิดตัวในไทยด้วยรถกระบะไฟฟ้าล้วนรุ่น RD6 ทั้งหมด 4 รุ่นย่อยประกอบด้วย:
- RIDDARA RD6 2WD 63kWh ราคา 899,000 บาท
- RIDDARA RD6 2WD 73.9 kWh ราคา 999,000 บาท
- RIDDARA RD6 4WD 73.9 kWh ราคา 1,149,000 บาท
- RIDDARA RD6 4WD 86kWh ราคา 1,299,000 บาท
ขณะเดียวกัน Riddara ยังอยู่ระหว่างพิจารณาตั้งโรงงานประกอบรถกระบะไฟฟ้าในไทย (CKD) เพื่อดันไทยให้เป็นฐานการผลิตรถกระบะไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน โดยการจะไปถึงแผนดังกล่าว Riddara ต้องมียอดขายราว 6,000 คัน/ปี ก่อน
“เราใช้วิธี Globalize ในการออกแบบ และ Localize ในการเจาะแต่ละตลาด ทำให้ในไทย Riddara มีการ Localize หลายเรื่องเพื่อสร้างยอดขาย โดยเฉพาะกับการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในไทยให้ตามทันกับที่เปิดตัวในจีนเช่นกัน”
อาศัยการทำตลาดควบคู่กลุ่ม Geely ในไทย
ด้วยกลุ่ม Geely หรือบริษัทแม่ของ Riddara มีการทำตลาดในไทยด้วยการร่วมมือกับกลุ่มธนบุรี เพื่อทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ทำให้หลังจากนี้การทำตลาดระหว่าง Riddara ที่บริหารโดยตรงจากจีน และ Geely ที่ใช้การแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย จะมีการทำตลาดควบคู่กันมากขึ้น
“ในอนาคต เช่น เครือข่ายการขายและการบริการ อาจใช้แพลตฟอร์มเดียวกันในการดำเนินธุรกิจ โดยตอนนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้บริหารทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นในจีนจะมีโชว์รูมของ Riddara ที่มีรถของ Geely จัดแสดงอยู่ด้วย และในทางตรงกันข้ามบางโชว์รูมของ Geely ก็มีรถ Riddara จัดแสดงเช่นกัน”
หากเจาะไปที่บริการหลังการขาย Riddara มีการจัดเตรียมอะไหล่และศูนย์บริการที่ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต และที่สำคัญ การทำตลาดควบคู่ไปกับ Geely ถือเป็นการสร้างสภาวะแบบ Win-Win ให้ทั้งคู่ และขณะนี้บริษัทมีการแบ่งปันทรัพยากรบางส่วนแล้วเพื่อขับเคลื่อนตลาดในประเทศไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา