- เรนเจอร์ แร็พเตอร์ พร้อมส่งมอบแก่ลูกค้าทั่วประเทศในเดือนสิงหาคมนี้
- เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ผสมผสานดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) เข้ากับนิยาม‘เกิดมาแกร่ง’ ของฟอร์ด เรนเจอร์ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง
- เครื่องยนต์แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมมอบขุมกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
- เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White)และสีใหม่พิเศษเฉพาะเรนเจอร์ แร็พเตอร์อย่าง สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey)
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เปิดสายการผลิตของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะสายพันธุ์ใหม่อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ณ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง หรือ เอฟทีเอ็ม จังหวัดระยอง
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเปิดรับจองเป็นครั้งแรก ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2018 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงจากโรงงานรุ่นแรกของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก จะพร้อมส่งมอบให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
ด้วยการผสมผสานดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) และสมรรถนะเหนือชั้นที่สะท้อนนิยาม “เกิดมาแกร่ง” ของฟอร์ด เรนเจอร์ ได้อย่างลงตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คือมาตรฐานใหม่ของรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง โดดเด่นด้วยโลโก้ฟอร์ดแบบตัวพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษอันเป็นเอกลักษณ์บนกระจังหน้า ซึ่งสื่อถึงความดุดันของรถกระบะสายพันธุ์ใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี
“ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คือที่สุดของฟอร์ด เรนเจอร์ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดัน และสมรรถนะเชิงออฟโรดที่เหนือชั้น เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คือรถกระบะสายพันธุ์ใหม่แห่งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก อย่างแท้จริง” นางสาวยุคนธร “วิคกี้” วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน กล่าว
เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร และระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เพื่อมอบขุมพลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า (157 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงถึง 500 นิวตันเมตร
นอกจากนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังได้รับการออกแบบให้ช่วงล่างยกสูงขึ้น และมีระยะช่วงล้อที่กว้างกว่าเดิม พร้อมโช้คอัพคู่ด้านหน้าและหลังของ FOX เพื่อซับแรงกระแทก ช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการทรงตัวและการควบคุมรถ แม้ในสภาพถนนแบบออฟโรดสุดหฤโหด
เรนเจอร์ แร็พเตอร์มาพร้อมระบบ Terrain Management System (TMS) สำหรับโหมดการขับขี่ทั้งหมด6 รูปแบบ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงโหมดบาฮา ซึ่งเหมาะกับการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูงเสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันเลื่องชื่อ
ระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์และสปริงคอยล์โอเวอร์ช็อค ทำให้เพลาเคลื่อนที่อย่างมั่นคง จึงช่วยเรื่องการทรงตัวและการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น แม้ในระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วสูง
พวงมาลัยของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมกับแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแม็กนีเซียมน้ำหนักเบา ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วตามความต้องการในทุกสภาพถนน
นอกจากนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมาพร้อมกับแผงกันกระแทกด้านล่างอันเป็นเอกลักษณ์ ช่วยปกป้องห้องเครื่องจากการกระแทก โดยผลิตจากเหล็กกล้า (High-strength steel) ที่มีความหนา 2.3 มิลลิเมตร และมีความทนทานสูงตามมาตรฐานของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance)
เทคโนโลยีอัจฉริยะในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้แก่:
- กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
- ระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก
- ระบบซิงค์ 3 (SYNC™ 3) หน้าจอทัชสกรีน พร้อมเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wi-Fi
- ระบบแผนที่นำทาง
- กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
- ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift
- ไฟหน้าแบบ HID
- ไฟเดย์ไลท์แบบ LED
- ไฟตัดหมอกแบบ LED
- บันไดข้างรถอะลูมิเนียมอัลลอย
- กันชนหน้าที่ทนทาน สำหรับการขับขี่แบบออฟโรด
- ล้อขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17
เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีสีภายนอกให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ซึ่งเป็นสีใหม่พิเศษเฉพาะของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) และ สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White)
เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จะผลิตที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยในปี 2558 ฟอร์ดได้ประกาศเพิ่มการลงทุน 186ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 6,269 ล้านบาท ที่โรงงานเอฟทีเอ็ม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตฟอร์ด เรนเจอร์ ให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา