ดุดัน และคุ้มค่า? Ford เตรียมส่งรถกระบะไฟฟ้าล้วนขนาดเดียวกับ Ranger แต่ราคาประหยัดเหมือน BYD

Ford กำลังพัฒนารถกระบะในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในขนาด Mid-size หรือเทียบเท่า Ford Ranger ผ่านการตั้งทีมพิเศษที่นำโดยอดีตวิศวกรในทีมพัฒนา Tesla Model Y และรถกระบะไฟฟ้าล้วนรุ่นดังกล่าวยังจะมีราคาคุ้มค่าเหมือนที่ BYD รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนแบรนด์อื่นทำได้ เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการแข่งขัน

Ford

CEO Ford เคารพคู่แข่งแบรนด์จีนต่อเนื่อง

Jim Farley ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ford แจ้งว่า ตั้งแต่ต้นปี 2024 บริษัทได้ตั้ง Skunkworks หรือทีมพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าที่มีต้นทุนการผลิตต่ำเพื่อใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ทีมดังกล่าวนำโดย Alan Clarke อดีตวิศวกรผู้พัฒนา Tesla Model Y และมีสมาชิกที่เคยทำงานกับ Tesla, Rivian, Lucid และ Apple ร่วมด้วย

แพลตฟอร์มดังกล่าวนอกจากมีต้นทุนที่ถูกลง ยังตอบโจทย์ผู้บริโภคในการขับขี่ด้วยระยะทางที่มากขึ้น รวมถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามามากกว่าแพลตฟอร์มปัจจุบัน นอกจากนี้รถกระบะไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนายังจะมีต้นทุนการผลิตที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน เช่น รถกระบะไฟฟ้าของแบรนด์ BYD

ช่วงกลางปี 2024 BYD ได้เปิดตัวรถกระบะไฟฟ้ารุ่นแรกที่เม็กซิโกในชื่อ Shark PHEV รถกระบะดังกล่าวเป็นรถยนต๋ไฟฟ้าแบบ Plug-in Hybrid สามารถวิ่งได้ไกล 100 กม. ด้วยพลังงานจากไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และหากรวมฝั่งเครื่องยนต์สันดาปจะวิ่งได้ไกลถึง 822 กม. จำหน่ายที่ราคา 53,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.8 ล้านบาท

ในทางกลับกัน Ford Ranger XL ปี 2024 ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงอย่างเดียว ราคา 38,300 ดอลลาร์ หรือราว 1.29 ล้านบาท แต่การจะได้เห็นรถกระบะไฟฟ้าของ Ford อาจต้องรอถึงครึ่งหลังของปี 2027 หรือล่าช้ากว่าแผนเดิมถึง 2 ปี และอาจทำให้ Ford ส่วนเสียโอกาสทางธุรกิจให้กับคู่แข่งจากจีนได้

ก่อนหน้านี้ Jim Farley ออกมาแสดงความเคารพรถยนต์แบรนด์จีนอย่างต่อเนื่อง เช่น มองรถยนต์แบรนด์จีนเป็นภัยคุกคาม หรือการไปทดลองขับขี่ Xiaomi SU7 รถยนต์ไฟฟ้าของ Xiaomi มานาน 6 เดือน ส่วน Ford เองปัจจุบันมีการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแล้ว เช่น รถกระบะไฟฟ้าล้วนรุ่น F-150 Lightning ราคา 62,995 ดอลลาร์ หรือราว 2.12 ล้านบาท

Brand Inside มองว่า การพัฒนารถกระบะไฟฟ้ารุ่นใหม่สะท้อนถึงความท้าทายของ Ford ในการรักษาส่วนแบ่งการตลาด และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะต้องเจอกับแบรนด์จีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกหลังจากนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

อ้างอิง // Electrek

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา