Ford และ GM ต่างมียอดขายในปี 2024 กลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และใกล้เคียงกับที่เคยทำได้ช่วงก่อนโรคโควิด-19 เหตุผลหลักมาจากรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต่างขายดี สะท้อนถึงแบรนด์รถยนต์ดั้งเดิมของสหรัฐอเมริกากลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง
GM ยอดขายเติบโต 4% ติดเบอร์ 2 รถยนต์ไฟฟ้าล้วน
สำนักข่าว Quartz รายงานว่า GM แจ้งยอดขายรถยนต์รวมในปี 2024 ที่ 2.7 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 4% จากปี 2023 ใกล้เคียงกับที่เคยทำได้ 2.88 ล้านคันในปี 2019 หรือก่อนช่วงโรคโควิด-19 ระบาด โดยแบรนด์ในเครื่องทั้ง Chevrolet, Cadillac, GMC และ Buick ต่างทำผลงานได้ดีทั้งใน และต่างประเทศ
ขณะเดียวกันกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของ GM ยังเติบโตถึง 125% ในปี 2024 และเฉพาะไตรมาส 4 ปี 2024 เติบโต 50% จนดันบริษัทขึ้นไปมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่ 2 ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาช่วงครึ่งหลังของปี 2024 โดยมี Chevrolet Equinox และ Cadillac Lyriq เป็นตัวชูโรง
“ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของธุรกิจเราคือรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีการออกแบบ และสมรรถนะยอดเยี่ยม เรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2025 ด้วยโมเมนตัมนี้ด้วย” Rory Harvey ประธานฝ่ายตลาดโลกของ GM กล่าว โดยก่อนหน้านี้ GM มีการเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้า
Ford ยอดขายเพิ่ม 6% ส่วนรถไฮบริดโต 40%
ด้าน Ford แจ้งยอดขายรวม 2.08 ล้านคันในปี 2024 เพิ่มขึ้น 6% จากปี 2023 แม้จะยังต่ำกว่ายอดขาย 2.42 ล้านคันในปี 2019 แต่แบรนด์ Lincoln ของฟอร์ดทำยอดขายได้ดีที่สุดในรอบ 17 ปี โดยมีรุ่นเด่นอย่าง Nautilus และ Aviator SUV ปี 2025 เป็นตัวขับเคลื่อน
ขณะเดียวกันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และไฮบริดของ Ford เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยบริษัทขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้ทั้งหมด 285,291 คันในปี 2024 เพิ่มขึ้น 38% จากปีที่แล้ว ประกอบด้วย Mustang Mach-E ที่ขายได้ 51,745 คัน เพิ่มขึ้น 27% และ F-150 Lightning ที่ขายได้ 33,510 คัน เพิ่มขึ้น 39%
นอกจากนี้ Ford ยังเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในกลุ่มรถยนต์ไฮบริด โดยมียอดขาย 187,426 คันในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 40% โดยเฉพาะรุ่น F-150 และ Maverick ที่ได้รับความนิยมสูง และเพื่อจูงใจการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า Ford มีการต่ออายุการสนับสนุนเครื่องชาร์จไฟที่บ้านฟรีไปจนถึงเดือน มี.ค. 2025
ผสานรถยนต์ไฟฟ้าล้วนควบคู่ไฮบริด
Brand Inside มองว่า Ford ยังเน้นกลยุทธ์พัฒนารถยนต์ไฮบริดควบคู่กับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าล้วน และคล้ายกับกลยุทธ์ของผู้ผลิตรถยนต์อื่น ๆ เช่น Hyundai ที่ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ควบคู่รถยนต์ไฮบริด เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ BYD รวมถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนต่างรายงานยอดขายเติบโตเป็นอัตราตัวเลขสองหลัก ส่วน Hyundai มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และรถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้น รวมถึง Rivian แบรนด์รถกระบะ และ SUV ไฟฟ้าสามารถบรรลุเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ได้
ในทางกลับกัน Tesla กลับเป็นผู้เล่นส่วนน้อยในกลุ่มที่ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายได้ในปี 2024 อาจเพราะถึงจุดอิ่มตัว หรือคู่แข่งเริ่มทำตลาดจนไล่ตามทัน รวมถึงการลงไปในพื้นที่การเมืองอย่างเต็มรูปแบบของ Elon Musk อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา