ภาพรวมตลาดเสื้อผ้า และรองเท้า Streetwear มีมูลค่าในประเทศไทยราว 30,000 ล้านบาท และไม่มีท่าทีจะหยุดโตง่าย ๆ Foot Locker ร้านค้าปลีก Multi Brand ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาจึงเข้ามาบุกไทยอย่างเป็นทางการ
ถ้าถามว่า Foot Locker ใหญ่แค่ไหน ก็ต้องแจ้งว่า ค้าปลีก Streetwear รายนี้มีรายได้ครึ่งแรกของปี 2023 ที่ 3,795 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.34 แสนล้านบาท ผ่านสาขาทั่วโลก 2,599 แห่ง และแฟรนไชส์อีก 184 แห่ง
การบุกไทยของ Foot Locker ครั้งนี้เป็นการซื้อสิทธิ์ในการทำตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดย พีที แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา ทีบีเค ทุนค้าปลีกยักษ์ใหญ่จากอินโดนีเซีย ผ่านแผนธุรกิจที่น่าสนใจดังนี้
Foot Locker กับการสยายปีกในอาเซียน
ดีพัก โทมาร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา จำกัด เล่าให้ฟังว่า จากโอกาสในตลาดสินค้า Streetwear ในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้บริษัทตัดสินใจเซ็นสัญญาแฟรนไชส์กับ Foot Locker ค้าปลีก Streetwear ยักษ์ใหญ่ของโลกเพื่อมาให้บริการในพื้นที่นี้
“แมพ แอคทีฟ ได้สิทธิ์เปิดร้าน Foot Locker ใน 6 ประเทศอาเซียน ประกอบด้วยอินโดนีเซีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และไทย ซึ่งบางประเทศมีเปิดบริการไปบ้างแล้ว โดยในประเทศไทยมีแผนเปิดทั้งหมด 2 สาขา ในปี 2023 และจะเปิดให้ครบ 8-10 แห่ง ภายใน 3 ปีหลังจากนี้”
เบื้องต้นสาขาในประเทศไทยจะเปิดที่สยามเซ็นเตอร์ในวันที่ 1 ก.ย. 2023 และในเดือน ธ.ค. 2023 จะเปิดที่ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ โดยทั้งสองแห่งจะเป็นสาขารูปแบบ Power Store ที่มีพื้นที่จำหน่ายมากว่า 800 ตร.ม. มีสินค้าครอบคลุมทั้งชาย, หญิง และเด็กเล็ก รวมถึงมีการจำหน่ายสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟรุ่นต่าง ๆ เช่นกัน
2,000 SKUs และการทำตลาดออนไลน์ควบคู่
ในมุมสินค้า Foot Locker ในประเทศไทยจะมีการจำหน่ายสินค้า Streetwear ของแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Nike, Adidas และ Under Armour รวมกว่า 2,000 SKUs โดยตัวร้านจะคงวัฒนธรรมบาสเกตบอลที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน ควบคู่กับวัฒนธรรม Street ซึ่งแตกต่างกับร้าน Multi Brand อื่น ๆ ในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน Foot Locker ยังเดินหน้าจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศไทยในวันเดียวกับที่เปิดสาขาแรกผ่านเว็บไซต์ footlocker.co.th ซึ่งช่องทางดังกล่าวจะจำหน่ายสินค้าที่มีจำหน่ายเฉพาะหน้าร้าน Foot Locker เท่านั้นเช่นกัน โดยสินค้าประเภทนี้จะคิดเป็น 32-35% ของ SKUs ทั้งหมดที่ Foot Locker จำหน่ายในไทย
ปัจจุบันร้าน Streetwear Multi Brand เริ่มเพิ่มขึ้นในไทย โดยมีทั้งของทุนต่างชาติ เช่น JD Sports และทุนท้องถิ่น เช่น Carnival หรือ VAC รวมถึงแบรนด์ผู้ผลิตเองเริ่มให้ความสำคัญกับตลาดไทยมากขึ้น เช่น Nike และ Adidas ต่างเปิดหน้าร้านขนาดใหญ่ระดับเอเชียในประเทศไทย
กีฬาบาสเกตบอลก็ได้รับความนิยมในไทย
“แม้กีฬาฟุตบอลจะมีความนิยมเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน แต่เราเชื่อว่ากีฬา และวัฒนธรรมบาสเกตบอลก็มีความนิยมเป็นลำดับต้น ๆ เช่นกัน ดังนั้นการชูเรื่องวัฒนธรรมบาสเกตบอล และ Streetwear จะช่วยให้ Foot Locker เติบโตในภูมิภาคนี้ได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจาก Foot Locker จะมีแผนให้ความสำคัญในการขยายตลาดนอกสหรัฐอเมริกา บริษัทยังต้องการลดความสำคัญของการจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Nike โดยสิ้นไตรมาส 2 ปี 2023 ยอดขายที่ไม่ได้มาจากสินค้าแบรนด์ Nike คิดเป็น 36% แต่ภายในปี 2026 มีเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 40%
ขณะเดียวกันการจำหน่ายสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ หรือสินค้าที่มีจำหน่ายใน Foot Locker เท่านั้น จากสิ้นไตรมาส 2 ปี 2023 อยู่ที่ 14% ของยอดขายทั้งหมด ภายในปี 2026 มีเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากยอดขายทั้งหมด ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวจะทำได้ก็ต่อเมื่อเจรจากับแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Nike และ Adidas ให้ไม่เน้นช่องทางตัวเองได้สำเร็จ
รู้จัก Foot Locker ร้านที่เป็นมากกว่าร้านรองเท้า
Foot Locker ก่อตั้งเมื่อปี 1974 ผ่านการเป็นร้านจำหน่ายสินค้ารองเท้ากีฬาบาสเกตบอล รวมถึงอุปกรณ์กีฬาประเภทอื่นในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในช่องทางจำหน่ายสำคัญของแบรนด์ Nike โดยบริษัทบริหารร้านทั้งหมด 5 แบรนด์คือ Foot Locker, Kids Foot Locker, Champs Sports, WSS และ atmos ในสหรัฐอเมริกา
จุดเด่นที่ทำให้ Foot Locker แตกต่างนอกจากเรื่องวัฒนธรรม Streetwear และบาสเกตบอล คือการเจรจากับแบรนด์ต่าง ๆ ให้มาจำหน่ายสินค้ารุ่นพิเศษกับ Foot Locker เท่านั้น ผ่านการอาศัยจำนวนสาขาที่มาก และเงินทุนที่หนา ซึ่งจุดนี้สร้างความได้เปรียบกับร้านค้า Streetwear อื่น ๆ ที่จำหน่ายได้แค่รุ่นปกติ
ด้าน แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา นอกจากเป็นผู้บริหารร้าน Foot Locker ในประเทศไทย บริษัทยังเป็นตัวแทนจำหน่ายของสินค้าแบรนด์ New Balance แต่เพียงผู้เดียวในไทย และยังถือการบริหารแบรนด์แฟชั่นอื่น ๆ เช่น Diadora, Lotto, ALDO, Dr. Martens, Steve Madden และ Nine West
อ้างอิง // Foot Locker
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา