สำหรับใครที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร น่าจะรู้จักหรือเคยได้ยิน Food ingredients Asia หรือ Fi Asia มาบ้าง อธิบายให้ง่ายกว่านั้นก็คือ งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยรวมผู้ประกอบการกว่า 700 บริษัทในอุตสาหกรรมส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดจาก 56 ประเทศทั่วโลก เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้มาพบปะ แลกเปลี่ยน เจรจาต่อยอดธุรกิจ
จากเดิมงานนี้จัดที่ยุโรป แต่ด้วยเอเชียถือเป็นทวีปที่อุตสาหกรรมกำลังเติบโต และผลิตอาหารส่งออกทั่วโลก จึงได้มีการจัดงาน Fi Asia ขึ้น สลับกันระหว่างประเทศอินโดนีเซีย และประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตอาหาร ที่มีเป้าหมายเป็นครัวของโลก เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสใกล้ชิด และเจรจาธุรกิจกับผู้แสดงสินค้าระดับนานาชาติ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 13-15 ก.ย. นี้ ที่ไบเทค
ใครที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
ประเทศไทย ส่งออก CLMV อันดับ 1 โอกาสธุรกิจไทย
รุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ – ภูมิภาคอาเซียน บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทย คาดว่ามีมูลค่ารวม 900,000 ล้านบาท และมีการเติบโตขึ้นทุกปี โดยกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และ เวียดนาม) เป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับ 1 ของไทย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดกลุ่มนี้ มีความเชื่อมั่นและนิยมในสินค้าที่มาจากประเทศไทย โดยผู้บริโภคเห็นว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ดังนั้นการจัดงาน FiAsia ขึ้น จะเพิ่มโอกาสในการเข้าทำตลาดมากขึ้น มีโอกาสในการเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจ
ส่วนตลาดส่งออกอื่นๆ อันดับรองลงไป เช่น ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา หรือกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ก็เป็นโอกาสเช่นเดียวกัน ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจด้านอุตสาหกรรมอาหารจึงไม่ควรพลาดพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
ช่องทางขยายธุรกิจ สตาร์ทอัพอุตสาหกรรมอาหาร
ในยุค Disruptive แบบนี้ สตาร์ทอัพเป็นหนึ่งในแนวโน้มธุรกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก และสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมอาหาร ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับการจับตามอง แต่อุปสรรคประการหนึ่งคือ การต่อยอดทางธุรกิจ หรือการได้เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบ แหล่งผู้ประกอบการที่แท้จริงเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่
งาน Fi Asia ก็เห็นถึงความสำคัญนี้ จึงมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมในการใช้ส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีมูลค่ายิ่งขึ้น โดยมีการจัด Innovation Zone เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในอุตสาหกรรมอาหาร
นอกจากนี้ยังมีการประกวดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เรียกว่าในงานนี้จะเป็นทั้งการสร้างแรงบันดาลใจ และการสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นวัตกรรมอาหารสำหรับสังคมผู้สูงอายุ
เทรนด์อาหาร 2018 ไฮไลท์น่ารู้จาก FiAsia 2017
ภายในงาน FiAsia 2017 มีการจัดสัมมนาวิชาการนานาชาติ ซึ่งมีองค์ความรู้สำคัญๆ สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ที่ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพ ไม่ควรพลาด หนึ่งในนั้นคือ เทรนด์อาหาร 2018เพื่อช่วยให้การทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างองค์ความรู้เรื่องเทรนด์อาหารในปี 2018 ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Goodbye Chemicals, Hello Natural ผู้บริโภคพร้อมจ่ายเงินเพื่อผลิตภัณฑ์คุณภาพดี สดใหม่จากธรรมชาติปราศจากสารเคมี
- Localisation สินค้าจากท้องถิ่นจะมีความสำคัญมากขึ้น ใช้กำลังผลิตในครัวเรือน ส่งจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภคโดยตรง ระบุแหล่งผลิตชัดเจนมีที่มาที่ไปที่น่าสนใจ
- Transparency โปร่งใส จริงใจกับผู้บริโภค บอกเล่าถึงข้อมูลของผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบ กระบวนการผลิต การเพาะปลูก
- Blurred line between food and drugs เส้นแบ่งระหว่างอาหาร ยา และอาหารเสริมจะจางลง คือ อาหารจะเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์ มีโภชนาการสูง สอดคล้องกับสังคมผู้สูงอายุ
- Sweeter Balance สร้างสมดุลระหว่างความหวานกับสุขภาพ เลือกใช้สารให้ความหวานอื่นตามธรรมชาติ เช่น หญ้าหวาน
- Seed of Change จากจุดเริ่มต้นความสนใจในเมล็ดพันธุ์พืช เช่น เมล็ดเจีย, ควินัน ส่งผลให้เมล็ดพันธุ์อื่นๆ ที่มีประโยชน์ มีโปรตีน มีประโยชน์ได้รับความสนใจ
- สุขภาพที่ลงตัว อาหารเฉพาะทางมีบทบาทมากขึ้น เช่น อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน อาหารสำหรับผู้มีปัญหากระดูกและข้อ ถือเป็นอาหารดูแลสุขภาพ
- Smart packaging บรรจุภัณฑ์มีบทบาทมากขึ้น ต้องมีความสวยงาม ดึงดูดใจ ให้ข้อมูลครบ บอกช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับรับประทาน
สรุป
งาน Fi Asia 2017 ปีนี้จัดขึ้นในประเทศไทย เป็นโอกาสที่ดีมากที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารจะได้เรียนรู้ เจรจา ต่อยอดธุรกิจ ส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นครัวของโลก เป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับ 1 สร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยงาน Food ingredients Asia หรือ Fi Asia 2017 จะจัดขึ้นที่ไบเทคบางนา วันที่ 13 – 15 ก.ย. นี้ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ www.fiasia.com หรือ โทร 02-642-6911
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา