ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแข่งขันในธุรกิจขนส่งสินค้า และพัสดุนั้นดุเดือด แถมบริหารจัดการยาก เพราะต้องใช้คนจำนวนมาก แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีหน้าใหม่เกิดขึ้นมาตลอด หนึ่งในนั้นคือ Flash Express ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในตอนนี้
อยากเห็นบริการขนส่งในไทยถูกเหมือนจีน
Flash Express ก่อตั้งเมื่อปี 2560 และมีแนวคิดมาจากความต้องการให้ประเทศไทยมีบริการขนส่งสินค้า และพัสดุในประเทศที่ราคาถูกเหมือนประเทศจีน เพราะที่จีนนั้นส่งทั่วประเทศนั้นคิดราคาแค่ 15 บาท และใช้เวลาจัดส่งไม่เกิน 2 วัน ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีผู้เล่นรายไหนที่คิดราคาถูกขนาดนี้มาก่อน มันจึงเป็นช่องว่างในตลาดที่เข้าไปปิดได้
“ผมมีโอกาสไปต่างประเทศบ่อย เพราะทำธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ และเห็นช่องว่างในตลาดขนส่งสินค้า และพัสดุในไทยที่ราคายังค่อนข้างสูง ยิ่งตอนนี้ E-Commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว การจะช่วยพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ให้ประหยัดต้นทุนเรื่องค่าขนส่งก็จำเป็น” คมสันต์ แซ่ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Flash Express กล่าว
สำหรับต้นทุนค่าขนส่งในธุรกิจ E-Commerce ในประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ที่ 8-10% ของราคาขายปลีกสินค้า แต่ในประเทศไทยยังคิดเป็นเกือบ 30% ของราคาขายปลีกสินค้า ดังนั้นหากต้นทุนดังกล่าวลดลงได้ โอกาสที่ E-Commerce จะเติบโตมากกว่านี้ก็มีสูง
เมื่อจะประหยัดต้นทุนก็ต้องคิดราคาให้สมเหุตผล
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องการช่วยประหยัดต้นทุนค่าขนส่ง ตัวธุรกิจขนส่งก็ต้องคิดราคาให้สมเหตุผล ซึ่งอาจไม่ใช่ราคาที่คิดอยู่ตอนนี้ (ไปรษณีย์ไทยปี 2560 กำไรสุทธิ 4,212 ล้านบาท) แต่ถ้าจะกดราคาลงมาได้ก็ต้องยกระดับประสิทธิภาพทั้งพนักงาน และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
“พนักงานขนส่งที่จีนค่าจ้างเท่ากับไทยเขาส่งได้ 300 ชิ้น/วัน แต่ที่ไทยส่งได้สิบกว่าชิ้น ที่เป็นอย่างนั้นเพราะผังเมืองจีนดีกว่า จราจรก็ไม่ได้ติดขัดมาก บางตึกออฟฟิศก็อยู่กันหลายพันบริษัท แต่ในไทยเต็มที่ก็หลักร้อย ดังนั้นถ้าเราจะแก้ไขมันก็ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่มาช่วย รวมถึงการดูแลพนักงานขนส่งให้เข้าใจการทำงานมากกว่าเดิม”
ทาง Flash Express มีการลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท มูลค่ากิจการอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นชาวไทย โดยมีกลุ่มทุนจากจีน และสหรัฐอเมริกาอยู่ด้วย ส่วนเงินลงทุนนั้นมีทั้งการนำไปใช้ทำ Big Data เพื่อวิเคราะห์การขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงติดตั้งระบบคัดแยกพัสดุไม่มีผู้ให้บริการรายไหนในไทยมี
ทีมงานคุณภาพช่วยขับเคลื่อนการเติบโต
ขณะเดียวกัน Flash Express ก็ดึงทีมงานทั้งฝั่งบริหารจัดการการขนส่ง และระบบเทคโนโลยีหลังบ้านต่างๆ ทั้งจาก Alibaba, IBM, Baidu รวมถึงพนักงานระดับสูงจากไปรษณีย์ไทยเพื่อมาช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการทำตลาด นอกจากนี้เงินทุนดังกล่าวยังนำมาจ้างพนักงานกว่า 10,000 คน และเปิดสาขา 1,000 แห่งอีกด้วย
“คน และจุดรับส่งสินค้าทั้งหมดนี้เป็นของเราทั้งหมด ไม่มีการจ้างพนักงานข้างนอก หรือขายเฟรนไชส์ เพราะ Flash Express ต้องการควบคุมคุณภาพ จนเราสามารถจัดส่งพัสดุได้กว่า 2 แสนชิ้น/วัน ผ่านการใช้เทคโนโลยีคัดแยกที่ทำได้ 8,000 ชิ้น/ชม. จนลดคนได้ 60% ทำให้ต้นทุนที่ใช้ต่ำลงโดยอัตโนมัติ”
ที่สำคัญ Business Model ของ Flash Express ที่โดดเด่นคือ รับพัสดุฟรีหน้าบ้าน และทำงาน 365 วัน แถมราคาจัดส่งถูกที่สุดในตลาด (เริ่มต้นที่ 25 บาท) จากจุดนี้เองทำให้ธุรกิจของ Flash Express นั้นเติบโตมากกว่า 100%/เดือน ผ่านการจัดส่งได้ทั่วประเทศไทย ซึ่งมีผู้เล่นระดับเดียวกันเพียง 3 รายเท่านั้นที่ทำได้
ไม่มี 5,000 ล้านบาท ไม่ต้องเข้ามาในธุรกิจนี้
ในทางกลับกันธุรกิจของ Flash Express ยังขาดทุนเดือนละ 300 ล้านบาท เพราะต้องเร่งสร้างงาน และขยายสาขา รวมถึงแค่งบพัฒนาระบบหลังบ้านก็กินมูลค่าไป 50 ล้านบาท/เดือน แต่ถึงอย่างไรบริษัทก็ยังไม่เน้นเรื่องกำไร เพราะมองว่าการทำธุรกิจขนส่งสินค้า และพัสดุคล้ายกับวางโครงสร้างพื้นฐาน จึงต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะกำไร
“Flash Express ต้องการพัฒนาบริการให้ดีที่สุดก่อน ยังไม่ได้วางเป้ากำไรไว้ตอนนี้ โดยตัวอย่างเรื่องบริการก็มีทั้งการอบรมพนักงาน และออกใบรับรองให้บริการได้ เพื่อการันตีว่างานที่ออกมามันต้องดี ยิ่งเราให้ค่าตอบแทนคนขยันๆ มากกว่า 30,000 บาท/เดือน รวมถึงแต่ละคนมี Smartphone ของตัวเอง ทุกอย่างก็คงต้องดีกว่าทีมีอยู่”
ดังนั้นถ้าสายป่านไม่ยาว หรือไม่มีเงินทุนอย่างน้อย 5,000 ล้านบาท ก็ไม่ต้องเข้ามาในตลาดนี้ดีกว่า แต่ “คมสัน” เชื่อว่าอนาคตจะมีผู้เล่นจากต่างชาติที่มีทุนมหาศาลเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแน่นอน เพราะนี่คือสมรภูมิ บริษัทท้องถิ่นที่ถือแค่ปืนสั้นจะไปสู้อะไรกับอาวุธสงครามจากต่างชาติได้
อนาคต Flash Express คือทุกอย่างของ E-Commerce
นอกจากนี้ Flash Express ยังตั้งเป้าเป็นทุกอย่างในโลก E-Commerce ผ่านการตั้งบริษัทในเครือ 10 บริษัท เช่น Flash Money ที่ดูแลเรื่องบริการทางการเงินเป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะช่วยลดต้นทุนในโลก E-Commerce ให้ต่ำลง เพราะราคาซื้อสินค้าออนไลน์ของคนไทยอยู่เฉลี่ยที่ 200-300 บาท ดังนั้นถ้าค่าขนส่งสูงก็คงไม่ไหว
“เรามองตั้งแต่ Express, Logistic, Loan, Fulfillment และ Money ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะเข้าไป Take Over บริษัททั้งในไทย และต่างชาติ เพื่อทยอยเปิดบริการใหม่ๆ ตลอดเวลา เมื่อมันเยอะขนาดนี้ผมจึงยืนยันว่าไม่มีใครลงทุนเยอะเท่า Flash Express อีกแล้ว ที่สำคัญเรามีแผนขยายไปทั่วอาเซียนใน 4 ปีด้วย”
สุดท้ายนั้นด้วย Flash Express เป็นบริษัทใหม่ ละปัจจุบันถูกโจมตีในโลกออนไลน์ในแง่การบริการจำนวนมาก “คมสัน” กลับมองว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่โดนต่อว่า เพราะเมื่อบริษัทส่งพัสดุ 2 แสนชิ้นทุกวัน ถ้าแค่ 1% ก็คิดเป็น 2,000 ชิ้น ดังนั้นมันก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว และบริษัทก็พร้อมที่จะยกระดับให้ทุกอย่างมันดีขึ้นกว่านี้
สรุป
Flash Express กลายเป็นบริษัทที่น่าจับตาในธุรกิจขนส่งพัสดุ เพราะมีการลงทุนจำนวนมาก หรือเรียกว่าไปรษณีย์ไทยต้องใช้เวลาเป็นร้อยปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ หรือเคอรี่ที่ใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศ แต่ Flash Express นั้นใช้เวลาแค่ 1 ปีเศษๆ เท่านั้นเอง ดังนั้นคงต้องจับตาว่าอนาคตของบริษัทนี้จะเป็นอย่างไร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา