บัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตในปัจจุบัน มีลักษณะการใช้งานที่ค่อนข้างคล้ายกันเลยอาจทำให้หลายคนมักมีความสับสน โดยเฉพาะการสมัครบัตรผ่อนสินค้าเพื่อผ่อนสินค้าสักชิ้นหนึ่ง ก็คงจะมีคำถามว่าควรจะใช้บัตรกดเงินสดผ่อนดี หรือบัตรเครดิตดีกว่ากัน เพราะทุกวันนี้ก็สามารถใช้ได้ ณ ร้านที่ร่วมรายการเช่นเดียวกัน วันนี้ เราจะเปรียบเทียบให้เห็นว่า บัตรกดเงินสด VS บัตรเครดิตต่างกันอย่างไร ในบทความนี้กัน
บัตรกดเงินสด VS บัตรเครดิตต่างกันอย่างไร
บัตรกดเงินสด คือ สินเชื่อส่วนบุคคลในรูปแบบวงเงินพร้อมใช้ในบัตร เหมาะสำหรับเป็นวงเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หรือจำเป็นต้องใช้เงินด่วน สามารถเบิกถอนเงินสดมาใช้ได้ผ่านตู้ ATM หรือโอนวงเงินจากบัตรเข้าบัญชีผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร หรือบางคนเลือกใช้เป็นการผ่อนสินค้าแทน สำหรับบัตรกดเงินสดโดยส่วนใหญ่แล้ว วงเงินอนุมัติจะอยู่ที่ 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน ไม่ใช้ไม่เสียดอกเบี้ย ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด ค่าแรกเข้าและค่าธรรมเนียบัตรรายปี การคิดอัตราดอกเบี้ยจะไม่เกิน 25% ต่อปี
บัตรเครดิต คือ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานแทนเงินสด กับร้านค้าที่มีเครื่องรับรูดบัตร เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ โดยที่ไม่ต้องออกเงินไปก่อน แล้วมาชำระคืนตามรอบวันที่ที่ธนาคารกำหนด หรือกล่าวง่าย ๆ คือ การนำเงินของธนาคารมาใช้จ่ายก่อนแล้วชำระคืนทีหลัง ทั้งนี้บัตรเครดิตยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น ส่วนลดร้านค้าที่ร่วมรายการ การสสะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัลต่าง ๆ หรือใช้ในการผ่อนสินค้าหรือบริการ ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ เป็นต้น
ลักษณะการใช้งาน
บัตรกดเงินสดค่อนข้างที่จะตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และจำเป็นต้องใช้เงินด่วนในระยะเวลาสั้น ๆ ได้ เช่น เกิดอุทกภัยต้องซ่อมบ้านด่วน รถเสียซ่อมรถ ไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาลแอดมิทกะทันหัน เป็นต้น หากมีบัตรนี้อยู่ในมือก็จะสามารถเบิกถอนเงินสดออกมาใช้เพิ่อแก้ปัญหาได้ทันที แบบที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมกดเงินสด นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ผ่อนสินค้าหรือบริการ ดอกเบี้ย 0% ต่อปี ณ ร้านที่ร่วมรายการ และสามารถผ่อนชำระคืนได้นานกว่าบัตรเครดิต โดยผ่อนได้นานสูงสุดถึง 60 เดือนอีกด้วย
ในส่วนของบัตรเครดิตจะเหมาะสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ช้อปปิ้ง ทานอาหารหรือการท่องเที่ยว โดยสามารถรูดจ่ายได้ก่อน โดยไม่ต้องใช้เงินสด หรือสามารถใช้ผ่อนสินค้าหรือบริการได้ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือ 0% นานสูงสุด 10 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ หรือใช้เป็นส่วนลดหรือโปรโมชันในช่วงที่มีแคมเปญได้ ส่วนการกดเงินสดออกมาใช้นั้น ก็สามารถทำได้ แต่มีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดผ่านตู้ ATM แต่ละครั้งด้วย ส่วนใหญ่จะคิดอยู่ที่ 3%ของยอดกด บวกด้วยภาษีมูลค่าเพิ่มของยอดบริการเงินสด (VAT) 7%
อัตราดอกเบี้ย
สำหรับบัตรกดเงินสด จะคิดดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 25%ต่อปี โดยธนาคารเริ่มคิดดอกเบี้ย ตั้งแตวันที่เบิกใช้วงเงิน สินเชื่อ จนถึงวันชำระคืนเงินต้นครบถ้วน เช่น การเบิกถอนเงินสดจะคิดเป็นรายวัน นับตั้งแต่วันที่ทำรายการถอนเงินจากบัตรจนถึงวันที่ชำระยอดเต็มจำนวน อัตราดอกเบี้ยจะคิดแบบลดต้นลดดอก
ยกตัวอย่างเช่น กดเงินสดไป 10,000 บาท และทำการคืนภายใน 10 วัน วิธีการคำนวณดอกเบี้ยจะเท่ากับ 10 วัน คือ 10,000 บาท x 25% / 365 วัน x 10 วัน เท่ากับ 68.50 บาท ดังนั้น เงินที่ต้องจ่ายคืนทั้งหมด คือ 10,068.50 (เงินต้น 10,000 บาท + ค่าดอกเบี้ย 10 วัน 68.50 บาท) เพราะฉะนั้นมีเงินแล้วก็ต้องรีบชำระคืนโดยเร็วที่สุด
สำหรับบัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ยจะคิดอยู่ที่ 16% ต่อปี กรณีใช้เพื่อชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการ การชำระคืนขั้นต่ำ หรือบางส่วนหรือไม่ได้ชำระ จะถูกคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเงินทั้งจำนวนที่คงค้างทั้งหมด โดยเริ่มคำนวณดอกเบี้ยนับจากวันที่ธนาคารบันทึก รายการ • กรณีเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า เริ่มคำนวณดอกเบี้ยนับจากวันที่ทำรายการเบิกถอนเงิน จนถึงวันที่ชำระเงินครบตามจำนวนเงินที่เบิกถอน • กรณีที่ทำรายการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า และชำระเงินคืนภายในวันเดียวกัน ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเป็น เวลา 1 วัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะใช้จ่ายหรือทำการรูดบัตร ควรต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนในการใช้จ่ายครั้งนี้ และควรวางแผนการชำระหนี้ให้ดีเพื่อจะไม่ให้กระทบกับการเงินของคุณในระยะยาว
ระยะเวลาการผ่อนชำระสินค้าหรือบริการดอกเบี้ย 0%
บัตรเครดิตอาจจำกัดระยะเวลาเฉพาะบางร้านค้าหรือบางโปรโมชันเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 เดือน 4 เดือน 6 เดือน หรือสูงสุด 10 เดือน ในขณะที่บัตรกดเงินสดมักมีระยะเวลาผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นยาวนานกว่า 12 เดือน 24 เดือน 36 เดือน หรืออย่างเช่น บัตรกดเงินสดแฟลช จากทีทีบี ที่มีบริการผ่อนสินค้าหรือบริการ ดอกเบี้ย 0% กับร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการ สามารถผ่อนได้นานสูงสุดถึง 60 เดือนเลยทีเดียว ทำให้คุณผ่อนจ่ายต่อเดือนน้อยลง และช่วยบริหารจัดการการเงินได้คล่องตัวยิ่งขึ้น
การผ่อนชำระคืน
ทั้งบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตสามารถเลือกผ่อนชำระคืนแบบขั้นต่ำหรือชำระเต็มจำนวนได้เช่นเดียวกัน แต่ไม่แนะนำให้จ่ายคืนแบบขั้นต่ำเพราะอาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่คุณต้องเสียเพิ่มมากขึ้นไปในเดือนถัดไป เช่น ใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าในราคา 10,000 บาท เดือนนี้ชำระคืนขั้นต่ำ 8% เพียง 800 บาท ทำให้รอบบิลในเดือนต่อไป มียอดค้างชำระอยู่ที่ 19,200 บาท โดยยอดคงเหลือตรงนี้จะถูกเก็บไปคิดทบดอกในกำหนดการชำระเดือนถัดไป สำหรับบัตรกดเงินสด หากเงินไม่พอชำระแบบเต็มจำนวน จะทำให้มียอดดอกเบี้ย 2 ต่อ เพราะการคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะนับตั้งแต่วันที่กดเงินสดออกมาหรือวันที่รูดผ่อนสินค้า และมีดอกเบี้ยของการชำระแบบขั้นต่ำหรือการชำระไม่เต็มจำนวนด้วย
อย่างไรแล้วการชำระเต็มจำนวนหรือการชำระให้ตรงตามที่กำหนด เป็นสิ่งที่ควรทำมากหรือสุด หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้เกิดประสบปัญหาทางการเงินจริงๆ การชำระเงินแลลขั้นต่ำก็ยังเป็นวิธีที่ดีกว่าการไม่ชำระเงินเลย อย่างน้อยก็เพื่อรักษาประวัติหรือเครดิตของเราไว้
ค่าธรรมเนียม
บัตรกดเงินสด จะไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด ค่าแรกเข้าหรือค่าธรรมเนียรายปี ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง ไม่ใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ยหรือค่าใช้จ่ายใดๆ แต่สำหรับบัตรเครดิต จะมีค่าธรรมเนียมบัตรกดเงินสดผ่านตู้ ATM อยู่ที่ 3%ของยอดกดเงิด บวกด้วยภาษีมูลค่าเพิ่มของยอดบริการเงินสด (VAT) 7% และบางกรณีอาจมีค่าธรรมเนียมรายปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการใช้วงเงินในบัตร หรือรูปแบบของบัตรเครดิตของธนาคารนั้นๆ ดังนั้น ก่อนสมัครหรือใช้ควรศึกษาทำความเข้าใจเรื่องค่าธรรมเนียมที่อาจถูกเรียกเก็บในภายหลังด้วย
ผ่อนสินค้าด้วยบัตรไหนดีกว่ากัน
เนื่องจากปัจจุบันนี้ทั้งบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด สามารถผ่อนสินค้าหรือบริการ ดอกเบี้ย 0% ได้แล้ว แต่หากวัดกันที่ระยะเวลาผ่อน บัตรกดเงินสดสามารถผ่อนได้นานกว่าถึง 60 เดือน ในขณะที่บัตรเครดิตสามารถผ่อนได้นานสูงสุด 10 เดือน แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการที่เราจะไปใช้บริการด้วย เพราะบางร้านก็ไม่รับผ่อน 0% กับบัตรกดเงินสด หรือถ้าใช้เป็นบัตรเครดิตจะได้เป็นส่วนลดหรือเครดิตเงินคืน และคะแนนสะสมที่มากกว่าบัตรกดเงินสด ทั้งนี้ ก่อนจะตัดสินใจผ่อนสินค้าหรือบริการใดๆ ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ภายในร้านก่อน เพื่อทราบถึงรายละเอียดโปรโมชันของแต่ละบัตรที่เข้าร่วมรายการ จึงจะเปรียบเทียบได้ว่า ณ เวลานั้นเราควรใช้บัตรไหนดีกว่ากัน
สรุป
การเลือกบัตรสำหรับผ่อนสินค้าจะช่วยให้คุณไม่ต้องนำเงินสดหรือเงินเก็บทั้งก้อนออกมาใช้ ทำให้มีสภาพคล่องในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และบางครั้งการใช้บัตรผ่อนสินค้ายังทำให้คุณได้โปรโมชัน ส่วนลด หรือเครดิตเงินคืน ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากกว่าการจ่ายเงินสด และสำหรับใครที่มองหาบัตรที่มีความคุ้มค่า แบบผ่อนสินค้าได้ และใช้กดเงินดได้หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงิน บัตรกดเงินสด แฟลช จากทีทีบี เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้คุณจัดการการเงินได้คล่องตัวขึ้นได้ เพราะ สามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM และแอป ttb touch ได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียบเบิกถอนเงิน หรือค่าธรรมเนียมรายปี และยังเป็นบัตรที่ใช้ผ่อนสินค้าหรือบริการ ในอัตราดอกเบี้ย 0% นานสูงสุดถึง 60 เดือน ณ ร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการ และยังได้สิทธิประโยชน์หากมีโปรโมชันแคมเปญพิเศษ เช่น ส่วนลดการซื้อของ เครดิตเงินคืน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยวงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน หรือสูงสุดถึง 1 ล้านบาท สนใจสมัครบัตรกดเงินสด แฟลช จากทีทีบี สามารถสมัครได้ง่ายผ่าน 3 ช่องทาง เช่น เว็บไซต์ ttb แอป ttb touch หรือ สาขา ttb ที่ท่านสะดวกได้ทั่วประเทศ
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว : อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี เงื่อนไขการสมัคร และอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา