“ใครไม่รักเรา เราก็รักกันเองได้”
ล่าสุดมีรายงานประจำปีเปิดเผยว่า เศรษฐีจีนยุคนี้ เริ่มย้ายไปอยู่ต่างประเทศน้อยลง สำนึกรักบ้านเกิดมากขึ้น จำนวนเศรษฐีที่อยากย้ายออกจากประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเทียบกับปี 2023 มีเศรษฐีจีนย้ายออกจากประเทศจำนวน 13,800 คน
ปี 2024 ย้ายออก 15,200 คน
แต่ปีนี้ มีเศรษฐีจีนย้ายออกประเทศลดลง อยู่ที่ 7,800 คน
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
ก่อนหน้านี้เรามักจะคุ้นชินกับภาพบิ๊กเทคทั้งหลายถูกรัฐบาลจีนไล่ทุบโดยใช้ข้ออ้างว่าบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้ล้วนประกอบธุรกิจแบบผูกขาด จนเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ทำให้บรรดาเศรษฐีจีนล้วนเข็ดขยาดกับการอยู่อาศัยในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองจนต้องย้ายประเทศ แต่ล่าสุดจำนวนคนต้องการย้ายประเทศลดลง
ปีนี้ มีการคาดการณ์จากฮ่องกงว่า เริ่มมีเศรษฐีจีนอพยพไหลเข้ามาจากภูมิภาคอื่นๆ ของเอเชียจำนวน 800 รายในปีนี้ ซึ่งก็รวมถึงผู้บริหารระดับสูงจากบิ๊กเทคที่มีการเติบโตสูงอย่างรวดเร็ว เช่นในแถบเซินเจิ้นซึ่งเป็นเมืองใกล้เคียงด้วย สำหรับจำนวนเศรษฐีที่ไหลเข้านี้ ถือว่ามีจำนวนลดลงจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 15,200 คน เหลือเพียง 7,800 คน
ประเด็นที่รัฐจีนไล่จัดการบรรดาบิ๊กเทคจีน
เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่บิ๊กเทคทั้งหลายหวาดกลัว หลังถูกไล่ทุบจากรัฐจีน จนทำให้ผู้ก่อตั้งบริษัทเหล่านี้ล้วนพยายามแสดงให้เห็นว่าเขาลงจากอำนาจบ้าง เก็บตัวบ้าง แทบไม่ปรากฎตัวต่อหน้าสื่อบ้าง เพื่อหลีกลี้จากความสนใจของรัฐจีน
แต่หลักฐานที่ชัดเจนที่ทำให้บรรยากาศดีขึ้นก็คือการประชุมที่รวมตัวบรรดาผู้นำระดับสูงจากบิ๊กเทค เช่น Alibaba, Huawei, Xiaomi, Meituan เหล่านี้ พบปะกับผู้นำจีน ซึ่งก็รวม Xi Jinping เมื่อปี 2022 เป็นการส่งสัญญาณว่า จีนจะเริ่มกลับมาให้การสนับสนุนกับภาคเอกชนจีนแล้ว หลังจากที่ไล่จัดการไปตั้งแต่ปี 2020
จากนั้นก็ยังมีการพบปะกันอีกในปี 2025 หลังจากที่สหรัฐฯ ขู่ว่าจะจัดการจีนเรื่องภาษี (ก่อนที่จะตัดสินใจทำจริงจัง) Xi Jinping ยังพบปะกับผู้นำเทคจีนหลากหลายองค์กร เพื่อขอให้ทุกฝ่ายหันมาร่วมมือกันเพื่อทำให้เศรษฐกิจจีนแข็งแกร่งมากขึ้น
Xi Jinping ถึงกับบอกกับผู้นำเทคจีนทั้งหลายว่า ช่วยโชว์ความสามารถของพวกเขาให้ดูหน่อย เพื่อจะทำให้เศรฐกิจจีนเดินหน้าต่อไปได้ นี่คือเวลาที่เหมาะสมแล้ว บรรดบิ๊กเทคที่เข้าพบ Xi Jinping ประกอบด้วยหลายบริษัทเช่นเคย อาทิ BYD, Tencent, Xiaomi, Huawei ฯลฯ นี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่บิ๊กเทคสัญชาติจีนเริ่มรู้สึกผ่อนคลายว่าจะไม่โดนรัฐจีนเล่นงานเหมือนก่อนหน้านี้
ประเด็นการศึกษาของลูกหลาน
ก่อนหน้านี้ ต่างประเทศก็เป็นหนทางสำคัญที่ครอบครัวเศรษฐีจีนมักเลือกที่จะส่งเสียลูกหลานไปเรียน เพื่อให้ได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยระดับโลก เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของลูกหลานด้วย แต่ปัจจุบัน เส้นทางเหล่านี้หดแคบลง เมื่อประเทศที่เคยเป็นสวรรค์ของนักศึกษาต่างชาติอย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย เริ่มเข้มงวดกับการบังคับเกณฑ์วีซ่ามากขึ้น และทำให้หนทางดังกล่าวไม่แน่นอนมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ บริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านต่างประเทศอย่าง Bill Liu ยังให้ความเห็นว่า คนจีนที่มีฐานะร่ำรวยกว่า 70% ตัดสินใจย้ายถิ่นฐานเพื่อให้ลูกๆ ได้รับการศึกษาในต่างประเทศ แต่ปัจจุบันนี้เหตุผลแค่นี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้ย้ายประเทศได้อีก
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
ความตึงเครียดจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ ก็ทำให้หลายประเทศดำเนินนโยบายในการให้วีซ่าที่เคร่งครัดมากขึ้น หลายครอบครัวจีนเริ่มทบทวนถึงต้นทุนที่พวกเขาจะต้องสูญเสียและผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับมากขึ้น และยังมองว่า ประเทศในแถบเอเชียเป็นมิตรกับคนจีนมากกว่าและมีความแน่นอนมากกว่า จึงทำให้เศรษฐีจีนเลือกอยู่ในประเทศมากขึ้น และถ้าจะไหลออกไป ก็ไหลออกไปในประเทศแถบเอเชียมากขึ้น
ทั้งสามประเด็นใหญ่เหล่านี้ ล้วนเป็นเหตุผลสำคัญที่มีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่ทำให้เศรษฐีจีนเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองมากขึ้น อย่างน้อยถ้าไม่เลือกที่จะอยู่ในประเทศตัวเองต่อไป ก็เลือกที่จะไปอยู่ที่อื่นในแถบเอเชียมากกว่าแถบตะวันตก แต่มีจำนวนลดลงกว่าช่วงก่อนหน้า
ที่มา – SCMP, The Guardian, The Straits Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา