Ferrari รายงานผลประกอบการประจำปี 2022 มียอดขายแตะ 13,221 คัน เพิ่มขึ้น 18.5% คิดเป็นรายได้รวม 5,095 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 19% และทำกำไรสุทธิเป็นสถิติใหม่ที่ 939 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 13%
เศรษฐียังซื้อ Ferrari ต่อเนื่อง
ยอดขายรถยนต์ของ Ferrari มาจากภูมิภาค EMEA หรือยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกามากที่สุดที่ 5,958 คัน เพิ่มขึ้น 8% รองลงมาเป็นทั้งอเมริกาเหนือ และใต้ 3,447 คัน เพิ่มขึ้น 22% ตามด้วยจีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง และไต้หวัน 1,552 คัน เพิ่มขึ้น 73% ที่เหลือมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 2,831 คัน เพิ่มขึ้น 17%
หากดูในมุมสัดส่วนรายได้ Ferrari มีรายได้หลักจากการจำหน่ายรถยนต์ และชิ้นส่วนซ่อมบำรุงต่าง ๆ 4,331 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 22% รองมาเป็นรายได้จากการสนับสนุน, ธุรกิจเชิงพาณิชย์ และลิขสิทธิ์ของแบรนด์ 479 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 7% ที่เหลือเป็นรายได้จากการจำหน่ายเครื่องยนต์ และรายได้อื่น ๆ
ตัวเลขทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า 2022 เป็นปีที่ดีสำหรับ Ferrari เพราะรายได้, ยอดขายรถยนต์ และผลกำไรต่างเติบโตต่อเนื่อง และฝั่งแบรนด์เองยังแข็งแกร่งผ่านการกลับมาแข่งขันได้สูสีในรายการ Formula 1 รวมถึงการเดินหน้าทำ ESG เช่น โครงการโรงงานพลัง Fuel Cell เป็นต้น
สำหรับรุ่นที่น่าสนใจของ Ferrari ในตอนนี้คือ Purosangue รถยนต์แบบ Crossover SUV ที่ Ferrari ไม่อยากเรียกว่า SUV โดยรถยนต์รุ่นนี้เป็นรถยนต์ 4 ประตูรุ่นแรก ๆ มากับเครื่องยนต์ 6.5 ลิตร V12 วางหน้า ให้กำลังสูงสุด 715 แรงม้า แรงบิด 716 นิวตันเมตร ต้องรอรับรถนาน 2 ปี และแบรนด์ปิดรับจองชั่วคราวแล้ว
ส่วนในปี 2023 ทาง Ferrari ตั้งเป้าเป็นผู้นำในสนามการแข่งขัน Motorsports รายการต่าง ๆ รวมถึงเตรียมเปิดตัวรถยนต์ 4 รุ่นใหม่ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า
สรุป
รถยนต์ราคาสูงยังมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงกลุ่มเศรษฐี หรือผู้มีกำลังซื้อยังหลงใหลในการครอบครอง Ferrari สักครั้ง แม้กระแสรถยนต์ไฟฟ้าจะบูมแค่ไหน แต่ก็ฉุดรั้งเสียงเครื่องยนต์แรง ๆ ไม่ได้อยู่ดี และในปีหน้าก็ยังมีโอกาสที่ Ferrari จะเติบโตเช่นเดิม
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา