ตั้งแต่ปี 2015 ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาถึง 8 ครั้งแล้ว ในเชิงธุรกิจแน่นอนว่าอัตราดอกเบี้ยการกู้เงินต้องเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นผลกระทบเรื่องดอกเบี้ยต่อประชาชนทั่วไปล่ะ?
เมื่อดอกเบี้ยนโยบายเป็นขาขึ้น ประชาชนก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น
Greg McBride รองประธานอาวุโสและ chief financial analyst Bankrate.com บอกว่า การปรับข้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลต่อผู้บริโภคหรือประชาชนจำนวนมาก เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นด้วย เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน (สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) ฯลฯ ซึ่งรวมไปถึงสินเชื่อเพื่อการศึกษาด้วย
“หากคุณเป็นคนกู้เงินก็ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าเป็นผู้ฝากเงินจะได้รับผลดีเพราะเป็นดอกเบี้ยขาขึ้น ดังนั้นคุณต้องเลือกอยู่ในถูกฝั่ง”
โดยส่วนของสินเชื่อบ้าน น่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอีก 1-2 ปี ดังนั้นตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เราต้องหาสินเชื่อที่มีอัตราคงที่ซึ่งต้องต่ำกว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น
ซึ่งที่สหรัฐ ใครที่กำลังอยู่ในขั้นตอนซื้อบ้านต้อง “ล็อก” อัตราดอกเบี้ยได้แล้ว เพราะถ้าเราดูค่าเฉลี่ยดอกเบี้ยคงที่ในสินเชื่อบ้านย้อนหลังไป 30 ปีจะอยู่ที่ 4.66% ซึ่งเมื่อปลายเดือนก.ย. 2018 นี้เพิ่งจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.58% เห็นได้ชัดว่าอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ดอกเบี้ยนโยบายขึ้น ดอกเบี้ยเงินฝากก็ขยับขึ้นด้วย
McBride บอกว่า เมื่อ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งไม่ได้แปลว่าธนาคารทั้งหลายเต็มใจจะขึ้นดอกเบี้ยให้
อย่างตัวเลขค่าเฉลี่ยดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ต่ำกว่า 0.1% ส่วนดอกเบี้ยที่ให้เยอะสุดก็ประมาณ 2% เท่านั้น ข้อมูลจาก Bankrate’s rankingsOpens a New Window..
ซึ่ง 12 เดือนหลังจากนี้ เราจะเห็น Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกแน่ๆ อย่างเป่าหมายการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed คืออยู่ที่ 2-2.25% ซึ่งหลายคนมองว่าการประชุมของ Fed ในเดือนธ.ค. นี้ก็น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน ขาผู้ออมเงินก็ต้องหาที่ลงเงินให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น
สรุป
เมื่อภาครัฐขึ้นดอกเบี้ยนโยบายส่งผลต่อประชาชนอย่างเราแบบไหนบ้าง อย่างที่สหรัฐ เมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ยก็กระทบทั้งขาเงินกู้ให้ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต สินเชื่อเพื่อการศึกษาเพิ่มขึ้น แต่ก็มีข้อดีให้ดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นด้วย แต่เท่าที่เห็น มันก็ไม่ได้คุ้มกับผู้บริโภคสักเท่าไร
ที่มา Foxbusiness
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา