FBI จัดหนัก มองจีนเป็นภัยคุกคามความมั่นคง-เศรษฐกิจ-เป็นเผด็จการ-เป็นโจรกรรมความมั่งคั่ง

สถานะจีนในปัจจุบันกำลังเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก ทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านความมั่นคง จีนเปิดหน้าสร้างศัตรูทั้งฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย ออสเตรเลีย ประเทศแถบทะเลจีนใต้ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาคู่ขัดแย้งในสงครามการค้าเดิมด้วย ล่าสุด ทั้งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ฝ่ายยุติธรรม ฝ่ายต่างประเทศของสหรัฐฯ และ FBI พยายามประกาศจุดยืนให้โลกเห็นว่าจีนกำลังเป็นภัยคุกคามกับสหรัฐฯ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง การศึกษา ฯลฯ

Christopher Wray ผู้อำนวยการ FBI (Federal Bureau of Investigation) กล่าวถึงประเด็นภัยคุกคามจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีอิทธิพลในสหรัฐอเมริกาและพูดถึงบทบาทขององค์กร FBI ที่พยายามจำกัดอิทธิพลจีนที่ Hudson Institute วอชิงตัน ดี.ซี เมื่อ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา

WASHINGTON, DC – MAY 16: Federal Bureau of Investigation Director Christopher Wray testifies before the Senate Appropriations Committee’s Commerce, Justice, Science, and Related Agencies Subcommittee in the Dirksen Senate Office Building on Capitol Hill May 16, 2018 in Washington, DC. Wray testified about this bureau’s FY2019 budget request. (Photo by Chip Somodevilla/Getty Images)

ความเป็นผู้นำของทรัมป์ ปลุกให้จีนกลายเป็นภัยคุกคามสหรัฐฯ?

Christopher Wray ผู้อำนวยการ FBI พูดถึงภัยคุกคามจากรัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เขาบอกว่า จีนเป็นภัยคุกคามข้อมูลข่าวสารและทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศชาติอย่างยาวนาน การต่อต้านข่าวกรอง (counterintelligence) และภัยจากการโจรกรรมทางเศรษฐกิจจากจีน

จากนั้น Wray ก็อ้างถึงคำกล่าวของ Robert C. O’Brien ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ที่กล่าวไว้เมื่อ 24 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ทุกวันนี้ เราไม่สามารถปิดหู ปิดตาตัวเองจากสิ่งที่จีนทำได้ มันเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ มันเป็นเรื่องใหญ่มากจนรัฐมนตรียุติธรรม William Barr รัฐมนตรีต่างประเทศ Pompeo และผู้อำนวยการเอฟบีไอ Wray จะต้องนำมาพูดถึงอีกในสัปดาห์ถัดไป

O’Brien พูดถึงความเป็นผู้นำของทรัมป์ในปัจจุบัน ปลุกให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีท่าทีเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ​ การที่สหรัฐฯ ต้อนรับจีนเข้ามาในองค์การการค้าโลก (WTO) ตั้งแต่ปี 2001 ทำให้จีนได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ตลอดจนการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเหตุการณ์เทียนอันเหมิน การเมินเฉยต่อการขโมยเทคโนโลยีของจีนมีผลต่อเศรษฐกิจอเมริกัน

จีนใช้อำนาจเผด็จการ ครอบงำสื่อ เซ็นเซอร์ข้อมูล สอดแนมผ่านแอปพลิเคชัน

O’Brien กล่าวว่า สหรัฐฯ ประเมินผิด เป็นความล้มเหลวอย่างยิ่งใหญ่ของนโยบายต่างประเทศตั้งแต่ทศวรรษ 1930 แล้ว เป็นความเข้าใจผิด เป็นความไม่เข้าใจธรรมชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เราปิดหู ปิดตาตัวเอง เราเชื่อในสิ่งที่เราต้องการเชื่อ เรามองว่า สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มันเป็นแค่ชื่อ แต่เอาเข้าจริงแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีนคือองค์กรมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์ โดยมี Xi Jinping เป็นเลขาธิการพรรค ที่มองตัวเองเป็นผู้สืบทอดต่อจาก Josef Stalin

จากนั้น O’Brien ก็อ้างข้อความจากนักข่าวซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐของออสเตรเลียที่บอกว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เคยแยกขาดจาก Stalin ซึ่งเป็นเผด็จการ ทั้ง Lenin, Stalin และ Mao ล้วนเป็นคอมมิวนิสต์ที่มีอุดมการณ์แบบเผด็จการ อุดมการณ์เช่นนี้ฝังรากลึกอยู่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ต้องการจะควบคุมชีวิตประชาชนตลอดเวลา ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงความคิดของผู้คนด้วย

การโฆษณาชวนเชื่อมีบทบาทสำคัญต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีลักษณะครอบงำความคิดทางการเมืองของรัฐ การให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน การแบนข้อมูลข่าวสารจากโลกภายนอก เช่น Twitter, Facebook และ WhatsApp เหล่านี้เป็นไปตามคำกล่าวขานที่เรียกว่า “Xi Jinping Thought” เป็นการพยายามเซ็นเซอร์เนื้อหาในจีนและกักขังทุกคน

Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ซ้าย) Robert C. O’Brien ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ (ขวา) ภาพจาก The White House

O’Brien พูดถึงการใช้งาน TikTok โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มสัญชาติจีนที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องการสอดแนม ไปจนถึงการระงับ account ใน Twitter กว่า 23,000 แอคเคาท์ที่เชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน การเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อเรื่องฮ่องกงและโควิด-19

จากนั้น O’Brein ก็พูดถึงสิ่งที่สหรัฐฯ รับมือจีนด้วยการตั้งข้อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การแบน Huawei, การจำกัด Visa, การตั้งข้อจำกัดการส่งออก – หยุดการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย เช่น สินค้าที่มีการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์, การออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติเพื่อประท้วงการรับจีนเข้าเป็นสมาชิก ตลอดจนการระงับความสัมพันธ์กับ WHO และการจำกัด Visa ของสปายในคราบนักศึกษา ไปจนถึงระงับการลงทุนในบริษัทจีน เป็นต้น

จากที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติถึง FBI: จีนคือภัยคุกคามทั้งความมั่นคง ทั้งเศรษฐกิจ

Christopher Wray ผู้อำนวยการ FBI ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นเหยื่อของจีน ถูกจีนขโมยความมั่งคั่งไป ในปี 2017 ทหารจีนแฮ็กข้อมูลลูกค้าชาวอเมริกันจากบริษัทข้อมูลเครดิต Equifax ไปราว 150 ล้านบัญชี ทั้งนี้ Wray ย้ำว่าอเมริกาต้อนรับนักศึกษาจีนมาเรียนและทำวิจัยในประเทศทุกปี ในที่นี้ จึงไม่ได้หมายถึงนักเรียน นักศึกษา แต่หมายถึงภัยคุกคามจีนจากรัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่านั้น

จากนั้น Wray ก็พูดถึงการโจรกรรมทางเศรษฐกิจของจีน คือความทะเยอทะยานของจีนที่ต้องการจะแซงหน้าอเมริกา ต้องการจะมีเทคโนโลยีล้ำหน้าเหนือใคร แต่ในความเป็นจริงคือการที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ บ่อยครั้ง ทำให้บริษัทของชาวอเมริกันเป็นเหยื่อ

บริษัทของสหรัฐฯ ใช้เวลายาวนานหลายปีในการพัฒนาเทคโนโลยี แต่จีนขโมยมันไปด้วยการทำซ้ำ

จากนั้น Wray ก็ยกตัวอย่างของสายลับจีนที่มาปฏิบัติการขโมยข้อมูลข่าวสารของสหรัฐฯ เพิ่มอีก เช่น การแฮกข้อมูลบริษัท Anthem ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันสุขภาพของสหรัฐฯ ไปแล้วกว่า 80 ล้านรายการ นอกจากนี้ยังเป็นภัยคุกคามทางการศึกษา เช่นการจ้างนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยในอเมริกาเพื่อขโมยความรู้และนวัตกรรมลับกลับไปให้จีน

บทบาทจีนในการใช้อิทธิพลในเวทีระหว่างประเทศ การใช้โครงการ Fox Hunt ล่าเหยื่อกลับจีน

จีนพยายามใช้อิทธิพลในเวทีระหว่างประเทศ อาทิ อเมริกาเตรียมเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการ แต่จีนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เพราะการเยือนดังกล่าวเท่ากับแสดงให้เห็นว่าเพิ่มความชอบธรรมให้ไต้หวันเป็นอิสระจากจีน จีนจะมีวิธีจัดการหลากหลาย อาทิ การระงับใบอนุญาติการผลิตในจีน กดดันให้เปลี่ยนแผนการเดินทางเป็นต้น

นอกจากนี้ จีนยังเป็นภัยคุกคามต่อหลักนิติธรรม (Rule of Law) นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา จีนนำโดยเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน Xi Jinping วางตัวเป็นหัวหอกในโครงการที่รู้จักกันในนามว่า “Fox Hunt” คือการรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชันระหว่างประเทศ Xi Jinping จะใช้ “Fox Hunt” เพื่อตามล่าใครก็ตามที่เป็นภัยคุกคามของชาติและอาศัยอยู่นอกจีนทั่วโลกซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เป็นศัตรูทางการเมือง พวกเห็นต่างทางการเมือง รวมถึงผู้ที่ออกมาเปิดโปงจีนที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

เหยื่อจากโครงการ Fox Hunt อาศัยในสหรัฐอเมริกานับร้อยๆ ราย บ้างก็เป็นพลเมืองอเมริกัน หรือไม่ก็ถือกรีนการ์ด (บัตรที่สหรัฐฯ อนุญาตให้สามารถมาพักอาศัยในประเทศได้ รวมถึงทำงานได้อย่างถาวรโดยไม่ต้องขอวีซ่า) รัฐบาลจีนจะบังคับให้ผู้คนเหล่านี้กลับจีนและพยายามใช้แทคติกหลากหลาย เช่น การไปเยือนครอบครัวของเหยื่อในอเมริกาเพื่อส่งสัญญาณให้เหยื่อกลับจีนทันที หรือไม่ก็ปลิดชีพตัวเองเสีย

นอกจากนี้ ในอดีตจีนก็เคยข่มขู่ คุกคามครอบครัวชาวจีนเพื่อบังคับให้กลับจีนด้วย  จากนั้น Wray ก็ย้ำว่า ชาวจีนคนไหนที่เชื่อว่ารัฐบาลจีนกำลังล่าตัวอยู่ ขอให้ติดต่อสำนักงาน FBI ในท้องที่เพื่อรับความช่วยเหลือได้

สุดท้ายแล้ว Christopher Wray ก็สรุปว่า ภัยคุกคามดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าสหรัฐฯ ไม่ควรทำธุรกิจกับคนจีน ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรต้องรับการมาเยือนของชาวจีน ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรต้อนรับนักเรียนจีนหรือไม่ควรปล่อยให้จีนมีบทบาทในเวทีโลก แต่ทั้งหมดที่กล่าวมามันหมายความว่าเมื่อจีนกระทำความรุนแรงต่อธรรมเนียมปฏิบัติของสากล เราจะไม่ทนต่อไป ทั้ง FBI ทั้งพาร์ทเนอร์ของเรา ตลอดจนรัฐบาลสหรัฐฯ จะทำให้จีนต้องรับผิดชอบและปกป้องนวัตกรรมของประเทศชาติ แนวคิด วิถีชีวิต และช่วยกันระแวดระวังให้กับบชาวอเมริกัน

Christopher Wray FBI Director ภาพจาก Federal Bureau of Investigation

(*Hudson Institute* ทำงานแบบเดียวกับ think tank เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกา เน้นเสนอนโยบายสาธารณะรวมถึงนโยบายที่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การทหารด้วย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1961 โดย Herman Kahn, Max Singer และ Oscar M. Ruebhausen)

ที่มา – FBI, The White House, Hudson Institute

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา