ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2016 ของ Facebook ออกมาอย่างยอดเยี่ยม
ในงานแถลงผลประกอบการครั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงคือซีอีโอ Mark Zuckerberg, ซีโอโอ Sheryl Sandberg, ซีเอฟโอ Dave Wehner ยังตอบคำถามของนักวิเคราะห์ทางการเงินหลายข้อ ซึ่งแสดงให้เห็นทิศทางของ Facebook ว่าจะมุ่งไปในทิศทางไหนในปี 2017 คำตอบก็ชัดเจนว่าเป็นเรื่อง “วิดีโอ”
ยุทธศาสตร์ Video First วิดีโอคือสิ่งสำคัญที่สุดของปี 2017
Mark Zuckerberg พูดถึง “วิดีโอ” ว่าเป็นสิ่งสำคัญ เป็น “เมกะเทรนด์” ที่มีน้ำหนักทัดเทียมกับอุปกรณ์พกพา สิ่งที่ Facebook จะทำคือเน้นความสำคัญของวิดีโอเป็นอันดับแรก (video first) บนแอพทุกตัวในเครือ (ไม่ใช่แค่ Facebook แต่รวมถึง Instagram, Messenger) โดยจะพัฒนาให้การถ่ายและแชร์วิดีโอง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
นอกจากการแชร์วิดีโอแล้ว Facebook ยังจะปรับปรุงเรื่องการค้นพบวิดีโอใหม่ๆ โดยเพิ่มแท็บวิดีโอในแอพ Facebook เพื่อแนะนำวิดีโอยอดนิยม และวิดีโอที่น่าจะเหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน แท็บแสดงรายการวิดีโอนี้ออกแบบมาเพื่อคนที่อยากดูวิดีโอ อยากรู้ว่าโลกตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ดราราเซเล็บคนดังกำลังทำอะไรอยู่ และในอนาคตถ้ามีวิดีโอที่เป็นรายการหลายๆ ตอน (episodic) ก็สามารถติดตามรายการตอนใหม่ได้จากแท็บนี้
ส่วนประเด็นเรื่องวิดีโอถ่ายทอดสด (Facebook Live) เขาบอกว่าคืนวันสิ้นปี 2016 ถือเป็นวันที่มีคนถ่ายไลฟ์มากเป็นประวัติการณ์ และ Facebook ก็พยายามทดลองแนวทางการถ่ายทอดสดแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Live แบบ 360 องศา, เอฟเฟคต์หน้ากากและกล้องขณะถ่ายทอดสด รวมถึงการไลฟ์เฉพาะเสียงอย่างเดียว
ผู้ใช้หนีไม่รอด Facebook จะเพิ่มจำนวนโฆษณาแบบวิดีโอบน News Feed
Sheryl Sandberg ซีโอโอของบริษัท อธิบายว่านักการตลาดเริ่มให้ความสำคัญกับวิดีโอมากขึ้น โดยเฉพาะวิดีโอบนมือถือ (mobile video) ตอนนี้เริ่มมีแบรนด์ต่างๆ ใช้โฆษณาแบบวิดีโอช่วยเพิ่มยอดขาย
ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า สิ่งที่เราจะได้เห็นคือวิดีโอปรากฏตัวบน News Feed มากขึ้น เป้าหมายของ Facebook คือเพิ่มพื้นที่แสดงผลโฆษณาประเภทวิดีโอ (video ads) ให้มากกว่าเดิม เพราะเมื่อผู้ใช้คุ้นเคยกับคอนเทนต์ประเภทวิดีโอแล้ว การยิงโฆษณาแบบวิดีโอเหมือนกันจะเป็นธรรมชาติมากกว่า
Sheryl บอกว่าวงการโฆษณาอาจคุ้นเคยกับคลิปวิดีโอความยาว 30 วินาที ที่ใช้กันบนแพลตฟอร์มอื่นๆ โฆษณาแบบนี้อาจเวิร์คบน Facebook แต่ถ้าต้องการประสิทธิภาพดีที่ขึ้น นักโฆษณาก็ควรปรับแต่งวิดีโอให้เหมาะสมกับ Facebook โดยเฉพาะ
ตัวอย่างการโฆษณาแบบวิดีโอที่ได้ผล ได้แก่ ปรับโฆษณาแบบวิดีโอในช่วง 2-3 วินาทีแรกให้ดึงดูดผู้ชมก่อนกดข้าม และ การใช้คำบรรยาย (caption) เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับชมวิดีโอโดยไม่ต้องเปิดเสียง
Sheryl ยกตัวอย่างโฆษณาของ Moto Z ที่ออกแบบโฆษณาให้เหมาะสมกับฟอร์แมตของ Facebook และ Instagram แล้วยิงโฆษณาก่อนเปิดตัว โดยเลือกกลุ่มเป้าหมาย (targeting) เป็นคนที่ใช้ Android อยู่ก่อน หลังจากแถลงข่าวเปิดตัวสินค้าแล้ว ก็ยิงวิดีโอซ้ำโดยเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นคนที่ดูวิดีโอชุดแรก ผลลัพธ์ของการปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสม ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 3.5%
เตรียมพบกับวิดีโอพรีเมียม ที่ Facebook จ้างผลิต
Mark Zuckerberg อธิบายว่า ช่วงแรกที่ Facebook หันมาสนใจวิดีโอ บริษัทเน้นไปที่วิดีโอขนาดสั้นเป็นหลัก โดยมีทั้งวิดีโอที่ผู้ใช้ถ่ายแล้วแชร์ให้เพื่อน และวิดีโอเชิงโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่แบรนด์หรือเซเล็บสร้างขึ้น
แต่ในขั้นถัดไป Facebook จะเริ่มลุยตลาดวิดีโอแบบพรีเมียม ที่ต้องใช้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดย Facebook จะเลือกใช้โมเดลการโฆษณาเพื่อสร้างรายได้กลับมายังผู้ผลิตวิดีโอเหล่านั้น ตอนแรก Facebook จะใช้วิธีจ้างผลิตวิดีโอบางชิ้น เพื่อกระตุ้นตลาดให้ผู้บริโภคตอบรับ แต่ในระยะยาว โมเดลของบริษัทคือการแบ่งส่วนรายได้ (revenue sharing) กับผู้ผลิตวิดีโอ
ที่มา – Facebook
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา