ใครจะรู้ว่าวันหนึ่ง โซเชียลมีเดียที่ใช้เล่นกันในมหาวิทยาลัยอย่าง Facebook จะมีมูลค่าหลักแสนล้านเหรียญสหรัฐ
แต่ช่วงใกล้สิ้นเดือน ก.ค. 61 มูลค่าของบริษัท Facebook ลดลงแตะ 5.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากช่วงเช้าของวันนั้น ที่มูลค่าของบริษัทฯ อยู่ที่ 6.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เกิดจากสาเหตุอะไรนะ?
ทำไมมูลค่า Facebook ตกลงวูบภายในวันเดียว ?
เพียงวันเดียวราคาหุ้น Facebook ก็ลดลงกว่า 20% ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากสื่อในโซเชี่ยลมีเดียเห็นผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทฯ ซึ่งที่จริงแล้วผลประกอบการยังเป็นบวก….แต่ยังไม่ดีเท่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ของ Facebook เติบโตชะลอตัวสูงสุดในรอบ 2 ปี ได้แก่ จำนวนผู้ใช้งานนอกสหรัฐและจำนวนผู้ใช้ออฟชั่นใหม่ในการโฆษณาน้อยลง สวนทางกับแผนการลงทุนเพื่อพัฒนาเรื่องความเป็นส่วนตัว และระบบติดตามผู้ลงโฆษณากว่าพันล้านเหรียญสหรัฐของบริษัท ซึ่งคนมองว่าอาจจะฉุดกำไรในอนาคต
แต่ไม่ว่ายังไง จากราคาหุ้นที่ตกลง ทำให้ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook เสียเงิน 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และตกจากอันดับ 4 ของมหาเศรษฐีของโลก ลงมาอยู่ที่อันดับ 6 ของโลกแทน
Michael Hewson หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ CMC Markets บอกว่า ความท้าทายของ Facebook คือการสร้างรายได้จากการสร้างแพลตฟอร์มอื่นๆ
ซึ่งต้องยอมรับว่านักลงทุนคาดหวังไว้มาก เพราะ Facebook เป็นผู้นำตลาดโซเชี่ยลมีเดียมาตลอด แม้ว่าไตรมาสล่าสุดบริษัทจะมีรายได้เติบโต 40% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ผลประกอบการของบริษัทฯ ก็ยังเติบโตด้วยดี แต่นักลงทุนก็ยังกังวลส่งผลให้หุ้นตกลง
ช่วงนี้ Facebook มีปัญหาอะไรอีกบ้าง และได้รับผลกระทบอย่างไร?
แม้ว่า Facebook จะปรับปรุงระบบให้ผู้ใช้งานควบคุมความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น แต่ก็มีปัญหาใหญที่กระทบความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานคือการเผยแพร่ข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 87 ล้านคน ในงานวิจัยของ Cambridge Analytica ทาง Mark Zuckerberg ก็ออกมาขอโทษในกรณีการละเมิดข้อมูลครั้งนี้ และยืนยันว่าข่าวลือที่รัสเซียใช้ Facebook เพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ไม่เป็นความจริง
Craig Erlam นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ Oanda บอกว่า ข่าวด้านลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเชิงลบต่อบริษัท เพราะสำหรับผู้บริโภคความเชื่อมั่นสำคัญมาก และคนอาจจะรู้สึกว่า Facebook ทรยศความไว้ใจของเขา
ขณะเดียวกัน Facebook ประกาศว่าจำนวนผู้ใช้งานในยุโรปลดลง 3 ล้านรายในไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 279 ล้านราย ส่วนที่อเมริกาเหนือผู้ใช้งานก็ทรงตัวอยู่ที่ 185 ล้านราย ส่วนหนึ่งที่ผู้ใช่งานลดลงน่าจะเป็เพราะเกณฑ์ the EU General Data Protection Regulation (GDPR) ที่ออกมาคุ้มครองข้อมูลของผู้ใช้งาน
ที่สำคัญการแข่งขันในสื่อโซเชียลมีเดียสูงมาก กลยุทธ์ที่ Facebook เปิดให้เชื่อมต่อแพลตฟอร์มระหว่าง Snapchat, Instagram และ YouTube ก็ทำให้คนใช้งานเพิ่มขึ้นด้วย เพราะถ้าปล่อยให้ผู้ใช้งาน ไหลไปเล่นแพลตฟอร์มอื่น การจะดึงผู้ใช้งานกลับมาไม่ใช่เรื่องง่าย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา