สถานการณ์หุ้นเทคฯ ปี 2021: Facebook และ Google ยังโตได้ แต่ Apple และ Netflix เริ่มถดถอย

ผ่านมาแล้วครึ่งปี 2021 หุ้นกลุ่ม FAANG – Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google (บริษัท Alphabet) ไม่ร้อนแรงเท่าเดิมหลังสถานการณ์โควิด-19 คลายความรุนแรงลง โดยหุ้นอื่นๆ เริ่มฟื้นตัว

เมื่อต้นปี 2020 หุ้นกลุ่ม FAANG ซึ่งประกอบไปด้วย Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google (บริษัท Alphabet) ฟื้นตัวเร็วกว่าหุ้นตัวอื่นๆ หลังจากสถานการณ์โควิดทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมูลค่าตกไปอย่างรุนแรง พร้อมดันดัชนี S&P 500 ให้เติบโตกว่า 16% 

แต่เมื่อเข้าปี 2021 นักลงทุนก็พบว่าหุ้นบางบริษัททำกำไรไม่ได้เท่าที่คาดการณ์ไว้ เหตุเพราะคนส่วนใหญ่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ได้อยู่บ้านตลอดเวลาแล้ว ทำให้ธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ นอกเหนือจากวงการเทคโนโลยีเริ่มฟื้นตัว

ธุรกิจต่างๆ ที่กำลังฟื้นตัว

หุ้น Alphabet บริษัทแม่ของ Google สูงขึ้น 37% และหุ้น Facebook ก็ขึ้น 21% ถือเป็นสองบริษัทที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ใขณะที่หุ้น Amazon เติบโตเพียง 7.1% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตของดัชนี S&P 500 ที่ 11% ซึ่งเป็นมาตรฐานของตลาดหุ้นอเมริกา

Daniel Morgan ผู้จัดการการลงทุนระดับสูงของ Synovus Trust Co. กล่าวว่า “บริษัทเหล่านี้ได้รับรายได้จากโฆษณาออนไลน์ที่กลับมาอีกครึ่งหนึ่ง และนี่คือปัจจัยที่ทำให้หุ้นเติบโต” เขาอธิบายว่า “บริษัทต่างๆ มากมายกำลังกลับมาให้บริการหลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัว พวกเขาไปโปรโมตตัวเองที่ไหนล่ะ? ส่วนใหญ่ก็ไปพึ่ง Facebook” 

ยิ่งไปกว่านั้น Apple หุ้นตกไปแล้ว 1.7% และ Netflix หนักที่สุด ด้วยมูลค่าหุ้นที่ลดลงถึง 7.4% ด้วยอัตราการสมัครของสมาชิกใหม่ที่น้อยลง

ภาพจาก Unsplash โดย freestocks

หุ้นอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเช่น Cisco ก็ฟื้นมา 16% และ Intel ก็ขึ้นมา 12% เช่นเดียวกัน หลังจากที่มูลค่าหดไปในปีที่แล้ว

กลุ่มหุ้นที่กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วอยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การบินและพลังงาน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์มากที่สุด

ทางเลือกที่ดีกว่า

ด้วยเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นฟู นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อหุ้นที่ “ดูแพง” อีกต่อไป การกลับไปลงทุนในหุ้นพื้นฐานที่มั่นคงอาจจะได้กำไรมากกว่าในปี 2021 นี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นฉับพลันในปีนี้ ทำให้ Fed วางแผนแก้สถานการณ์ด้วยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วงท้ายปี 2023 เป็นเวลาที่เร็วกว่าที่เคยประกาศไว้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการหมุนเวียนเงินสดของหลายๆ บริษัทแน่นอน

สรุป

ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังจากยุค New Normal ของโควิด-19 ที่จบลงในบางพื้นที่ ธุรกิจที่เติบโตช่วงล็อคดาวน์ก็ได้รับผลกระทบชัดเจน น่าจับตามองว่าจะมีธุรกิจไหนที่จะเติบโตต่อเนื่องได้ด้วยความสามารถของตัวเอง

ที่มา – WSJ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา