‘ฟังก์ชันนัล อายส์แวร์’ (Functional Eyewear) โจทย์ที่ท้าทายขึ้นของ ‘อายลิ้งค์ วิชั่น’ 

ก่อนจะเดินทางมาถึงยุคแห่งการเติบโตที่มั่นคงขึ้น กับการเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายแว่นตาแบรนด์ดังระดับโลกหลายแบรนด์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ทั้งแว่นตาแบบแฟชั่น (Fashion Eyewear) และแบบฟังก์ชันนัล (Functional Eyewear) ‘อายลิ้งค์ วิชั่น’ ผ่านยุคของการเรียนรู้เพื่อสร้าง ‘ก้าว’ ที่แข็งแรงเรื่อยมา ประพันธ์ ผดุงเกียรติสกุล ในฐานะกรรมการผู้จัดการ เดินทางเคียงข้างกับองค์กรมาพร้อมความมุ่งมั่นและอดทน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลสำคัญให้ชื่อ ‘อายลิ้งค์ วิชั่น’ ยืนหยัดได้อย่างแท้จริง

โอกาสเป็นของผู้ที่อดทนรอคอย

เมื่อกว่า 27 ปีที่แล้ว ประพันธ์ เหมือนกับคนรุ่นใหม่ในยุคนั้นอีกหลายคนที่แสวงหาโอกาสในการสร้างธุรกิจของตัวเอง ความที่ธุรกิจของครอบครัวในวันนั้นคือการทำร้านแว่นตาในชื่อ ‘บุญชัยการแว่น’ เมื่อวาดธุรกิจของตัวเองในใจ จึงได้เริ่มต้นต่อยอดจากสิ่งใกล้ตัว แต่กลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่สุดแล้วคือการเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่จากการนับหนึ่ง โดยเฉพาะการจะเป็นผู้จัดจำหน่ายแว่นตาแบรนด์ดังระดับโลกในประเทศไทย

“ผมเริ่มต้นทำธุรกิจแรกของตัวเองเป็นธุรกิจผลิตเลนส์ก่อน ทำอยู่ประมาณ 5-6 ปี ก็ถึงช่วงที่บริษัทผู้ผลิตเจ้าใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจในบ้านเรา ตอนนั้นก็ต้องเริ่มปรับตัว เรามองว่าโรงงานเล็กๆ จะต้องเสียเปรียบ จนปี 1997 ก็เลยบินไปดูงานแว่นตาที่อิตาลี โรงงานผลิตแว่นตาเจ้าใหญ่ๆ ของโลกอยู่ที่นี่ เราเริ่มสนใจการเป็นบริษัทจัดจำหน่ายแว่นตาของแบรนด์ต่างๆ แต่ปัญหาคือ พอไม่มีประสบการณ์ในเรื่องกรอบแว่นตา ก็ไม่มีบริษัทไหนสนใจเรา เดินทางไปอยู่ประมาณ 2-3 ปี เคาะประตูไปเรื่อย ก็ไม่มีใครให้ความเชื่อมั่น ยิ่งเป็นบริษัทที่เป็นแฟชั่นเขายิ่งจะดิวแต่กับบริษัทที่อยู่ในวงการนี้มานาน 30-40 ปีอย่างต่ำ”

แต่วันหนึ่งประตูของโอกาสก็เปิดขึ้น หลังจากที่ประพันธ์ได้พบกับบริษัทผลิตแว่นตาเล็กๆ บริษัทหนึ่งจากประเทศเดนมาร์กภายในงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้น ณ มหานครนิวยอร์ก นั่นเป็นจุดเริ่มให้รู้จักกับแว่นตาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สุดในยุคนั้น (ปี พ.ศ. 2541) นั่นคือ กรอบแว่นตาแบบไร้กรอบ มีเพียงขาแว่นยึดกับตัวเลนส์ แม้โอกาสในการสร้างความสำเร็จจะไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากยิ่งนวัตกรรมใหม่เท่าใด การเข้าถึงและได้รับการยอมรับจากผู้คนก็ยิ่งเป็นเรื่องยากมากขึ้น แต่เพราะความอดทน ประกอบกับโชคมาเยือน วันหนึ่งนวัตกรรมชิ้นนี้ก็ได้รับความสนใจแบบปากต่อปาก จนกระทั่งไม่มีใครไม่รู้จักกรอบแว่นตาในชื่อ ลินเบิร์ก (LINDBERG) ซึ่งนับเป็น แว่นตาแบบฟังก์ชันนัล (Functional Eyewear) แบรนด์แรกของโลก และเป็นแบรนด์แรกที่จำหน่ายในประเทศไทย

แนวโน้มการเติบโตที่อยู่ไม่ไกล

การดำเนินธุรกิจของ ‘อายลิ้งค์ วิชั่น’  ยังคงเป็นการเดินทางแบบลองถูกลองผิด และมีประสบการณ์เป็นเครื่องมือนำทาง จากวันที่เริ่มยืนหยัดขึ้นได้จากการจัดจำหน่ายกรอบแว่นตาลินเบิร์ก จนถึงการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแว่นตาแฟชั่นแบรนด์เนมแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยหลากหลายแบรนด์ กระทั่งค้นพบว่าความเชี่ยวชาญที่แท้จริงของตัวเองคือ แว่นตาแบบฟังก์ชันนัล ทั้งหมดล้วนเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์

“ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเราค้นพบว่าความเชี่ยวชาญของเราคือ แว่นตาแบบฟังก์ชันนัล ทำให้ปัจจุบันเรามีแว่นตาในกลุ่มนี้ถึงกว่า 10 แบรนด์ ซึ่งล้วนเป็นแบรนด์ระดับโลกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ‘โฟร์ไนน์’ (999.9) แบรนด์อันดับหนึ่งจากญี่ปุ่น ‘เรกจาวิค’ (REYKJAVIK EYES) จากไอซ์แลนด์ ‘โมโด’ (MODO) จากอิตาลี ซึ่งความโดดเด่นของแว่นตาแบบฟังก์ชันนัล คือแต่ละแบรนด์จะมีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของตัวเอง ไม่เหมือนกับแบรนด์ใดๆ เลย นั่นจึงทำให้แว่นตาในกลุ่มนี้มีฐานผู้ใช้ในกลุ่มที่ชื่นชอบความพิเศษ ทั้งในแง่ดีไซน์ และการตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่าง อย่างแว่นตาแบรนด์ ‘ไอซี เบอร์ลิน’ (ic! Berlin) ที่เป็นแบรนด์ระดับโลกจากเยอรมนีก็มีกลุ่มแฟนที่รู้จักและชื่นชอบในเอกลักษณ์ด้านดีไซน์เฉพาะมายาวนาน แต่ด้วยความที่เล็งเห็นว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีก ปีนี้เราจึงทำการตลาดด้วยการมีแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ในประเทศไทยเป็น เจ เจตริน”

แม้ปัจจุบันแว่นตาจะเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าแฟชั่น โดยเฉพาะ ‘ฟาสแฟชั่น’ (Fast Fashion) ที่มาเร็วไปเร็ว แต่นั่นก็ทำให้แว่นตาในอีกกลุ่มอย่างแว่นแบบฟังก์ชันนัล โดดเด่นขึ้นด้วยตัวเอง วันนี้ ‘ไอซี เบอร์ลิน’ (ic! berlin) ได้กลายมาเป็นอีกแบรนด์ที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นจากคนในอีกหลากหลายกลุ่ม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ซึ่งเป็นที่รู้จัก ก็ทำให้สินค้าได้รับการพูดถึงมากขึ้นในยุคแห่งการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารเช่นกัน อนาคตของ ‘อายลิงค์ วิชั่น’ (Eyelink Vision) กับการขับเคลื่อน ‘ไอซี เบอร์ลิน’ (ic! berlin) ในประเทศไทย จึงมีทิศทางที่สดใสขึ้นเช่นกัน

“เมื่อวัดจากการขายปลีก มูลค่ารวมของตลาดแว่นตาทั่วโลกมีอยู่ประมาณหมื่นล้าน ผมมองว่าเรายังมีโอกาสเติบโตได้อีก สำหรับ ‘อายลิhงค์ วิชั่น’ เรามีสัดส่วนแว่นตาทั้งแว่นตาแบบฟังก์ชันนัล และแบบแฟชั่น   อยู่ที่ 60 : 40 แต่เราวางตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแว่นตาแบบฟังก์ชันนัล เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการจำหน่ายแว่นตาแนวนี้มากว่า 20 ปี ประกอบกับปัจจุบันแบรนด์ระดับท็อปไฟว์ของโลกก็อยู่ภายใต้การจัดจำหน่ายของเรา ทั้งนี้มองว่าแว่นตาแบบฟังก์ชันนัล ยังเติบโตได้อีก 5 – 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เนื่องจากคนไทยเป็นคนที่รับแนวคิดนวัตกรรมใหม่ได้เร็วเมื่อเทียบกับผู้คนในประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียน” 

เป้าหมายของ ‘อายลิ้งค์ วิชั่น’ ภายใต้การขับเคลื่อนของประพันธ์ ยังคงแน่วแน่ใน 2 แนวทาง “เป้าหมายะยะสั้นของเราคือการทำให้ ไอซี เบอร์ลิน (ic! berlin) เติบโตขึ้นอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเป้าหมายระยะยาว คือเราต้องการเป็นผู้นำด้านแว่นตาแบบฟังก์ชันนัล เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย ได้พบกับสินค้าระดับโลกที่ดีและมีคุณภาพมากที่สุด”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา