เจาะกลยุทธ์ “Etihad Airways” ดึงนักเดินทางด้วย Etihad Stopover พร้อม Business Class บนเครื่อง A321LR

Etihad Airways สายการบินแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดเกมรุกตลาดไทยด้วย 2 เส้นทางบินตรงใหม่ กระบี่ – อาบูดาบี (เปิด 9 ต.ค.) และ เชียงใหม่ – อาบูดาบี (เปิด 4 พ.ย.) อ่านเพิ่มเติมที่นี่ Etihad Airways เปิด 2 เส้นทางบินตรงใหม่ จากเชียงใหม่และกระบี่ สู่ อาบูดาบี

Etihad Airways

การขยายเส้นทางนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุม 125 จุดหมายปลายทางภายในปี 2573 แต่ยังมีบริการเสริมสำคัญคือ Etihad Stopover ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยทริปเสริมที่คุ้มค่ายิ่งกว่าที่ อาบูดาบี

Stopover เปลี่ยน “แวะพัก” ให้เป็น “ทริปเสริม” ที่คุ้มค่า

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ Etihad ใช้ดึงดูดนักเดินทางที่บินระยะไกลคือโปรแกรม Etihad Stopover ซึ่งเปลี่ยนช่วงเวลาการต่อเครื่องให้เป็นโอกาสในการท่องเที่ยวที่คุ้มค่า

บริการ Stopover ผู้โดยสารที่เปลี่ยนเครื่อง ณ กรุงอาบูดาบี สามารถ เข้าพักโรงแรมฟรีสูงสุดสองคืน เพื่อเติมเต็มการเดินทางด้วยการสัมผัสเมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้อย่างเต็มที่

  1. ประหยัดค่าโรงแรม ได้รับการสนับสนุนค่าที่พักฟรี ซึ่งเป็นส่วนลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางระยะไกล
  2. สำรวจอาบูดาบี เปลี่ยนจากการนั่งรอในสนามบิน เป็นการออกไปสัมผัสเมือง ที่เป็นอีกแหล่องท่องเที่ยวนอกเหนือจากดูไบที่หลายคนรู้จักกันดี
    • ไฮไลท์ทางวัฒนธรรม Sheikh Zayed Grand Mosque, Louvre Abu Dhabi และ Qasr Al Watan
    • สวนสนุกระดับโลก Ferrari World, Yas Waterworld, Warner Bros. World และ SeaWorld
    • ธรรมชาติ ชายหาดที่งดงามและทะเลทรายอาหรับ

นอกจากนี้ ยังมี Abu Dhabi Pass ที่มอบส่วนลดเพิ่มเติมสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทาง ซึ่งตอกย้ำว่า Etihad มองอาบูดาบีเป็น “จุดหมายปลายทาง” ไม่ใช่แค่ “ทางผ่าน” การใช้ Stopover จึงไม่ใช่การ “เสียเวลา” แต่เป็นการ “เพิ่มทริป” และ “เพิ่มมูลค่า” ให้กับการเดินทางในครั้งเดียว

ส่วนสำคัญคือ เมื่อผนวกกับการเปิดเส้นทางใหม่ “เชียงใหม่-กระบี่” มาอาบูดาบี ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนเที่ยวระยะยาวได้ เช่น มา Stopover ที่อาบูดาบี ขับรถเที่ยวไปถึงดูไบได้ ก่อนจะบินไปเชียงใหม่ แต่ขากลับเดินทางกลับจากกรุงเทพฯ (หรือกระบี่, ภูเก็ต) ผ่านอาบูดาบีอีกครั้งก็ทำได้

Etihad Airways

สัมผัสประสบการณ์ Business Class บน A321LR

สำหรับผู้ที่คาดหวังประสบการณ์ระดับพรีเมียม Etihad ได้นำเครื่องบิน Airbus A321LR รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้บริการใน 2 เส้นทางนี้ ซึ่งมาพร้อมกับห้องโดยสารที่ออกแบบให้เทียบเท่าเครื่องบินลำตัวกว้างสำหรับเส้นทางบินระยะไกล

  • First Suites (2 ห้อง) มีประตูบานเลื่อนเพื่อความเป็นส่วนตัวและที่นอนปรับเอนราบได้เต็มที่
  • Business Class (14 ที่นั่ง) เป็นที่นั่งแบบหันหน้าไปข้างหน้า (Forward-facing) ที่สามารถปรับเอนราบได้เต็มที่ และที่สำคัญคือ Direct Aisle Access (ทางเดินตรงเข้าสู่ที่นั่งทุกตำแหน่ง) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานที่สำคัญสำหรับผู้เดินทางชั้นธุรกิจ

ในฐานะผู้โดยสารชั้นธุรกิจ สิ่งที่โดดเด่นคือการได้สัมผัสความสะดวกสบายในระดับเครื่องบินลำตัวกว้างบนเครื่องบินลำตัวแคบ ที่นั่งแบบ Direct Aisle Access ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องปีนข้ามใคร และการเอนราบได้เต็มที่ช่วยให้การเดินทางข้ามคืนเป็นไปอย่างราบรื่น แม้จะเป็นเส้นทางระยะกลางก็ตาม

Etihad Airways

อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเทคโนโลยี

Etihad ไม่ได้หยุดอยู่แค่การขยายเส้นทาง แต่ยังมองไปถึงอนาคตของการบริการด้วยการลงทุนในเทคโนโลยี

  • AI Advancements เตรียมพัฒนา Conversational AI Booking Engine ภายในปี 2569 เพื่อยกระดับการจอง
  • Connected Operations พนักงานถูกติดตั้งด้วยอุปกรณ์มือถือที่แสดงข้อมูลผู้โดยสารแบบเรียลไทม์ (360-degree information) เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
  • Self-service & Back-Office Modernisation มุ่งเน้นการให้ลูกค้าจัดการบัญชีได้ด้วยตนเองมากขึ้น และการปรับปรุงระบบหลังบ้านให้เป็นอัตโนมัติ

การปักธงที่กระบี่และเชียงใหม่ของ Etihad เป็นมากกว่าแค่การเพิ่มเที่ยวบิน แต่เป็นการแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดไทย และการวางตำแหน่งอาบูดาบีในฐานะประตูสู่ตะวันออกและตะวันตกอย่างแท้จริง ควบคู่ไปกับการนำเสนอบริการระดับพรีเมียมด้วย A321LR และโปรแกรม Etihad Stopover ที่ช่วยให้การเดินทางข้ามทวีปมีความคุ้มค่าและน่าจดจำยิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา