
ในเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เครื่องบิน Airbus A321LR ของสายการบินเอทิฮัด (Etihad Airways) ได้เดินทางถึง จ.เชียงใหม่ จากอาบูดาบี เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
นี่คือเที่ยวบินเที่ยวแรก จากภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่บินตรงมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ และนับเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของเส้นทางการบินลำดับที่ 4 สู่ประเทศไทยของสายการบินเอทิฮัด หลังจากได้เปิดเส้นทาง อาบูดาบี-กระบี่ ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของไทย เข้าสู่เครือข่ายการบินระดับโลก โดยเฉพาะภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจำนวนของนักเดินทาง และภาคการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

ทำไมต้อง เชียงใหม่ กับ กระบี่
ภายในงานเปิดตัวสายการบินเส้นทางใหม่ Frank Meyer, Chief Digital Officer และ Claire Curtis, Head of Sales Planning and Global Accounts ของสายการบินเอทิฮัด ได้ให้เหตุผลที่ต้องเป็นทั้ง 2 จังหวัดนี้เอาไว้
ทั้งเชียงใหม่และกระบี่ เป็นที่รู้จักของนักเดินทางอยู่แล้วประมาณหนึ่ง ซึ่งเอทิฮัด ได้มองเห็นศักยภาพในการเป็น Hidden Gems ที่ยังรอคอยการถูกค้นพบให้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะ วัฒนธรรม และการพักผ่อนระดับพรีเมียม
นอกจากนี้ยังมีบทบาทในฐานะศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งในแง่ของการเป็นศูนย์กลางการค้า ธุรกิจ และการท่องเที่ยว
เห็นได้จากเที่ยวบิน กระบี่ ที่ทางสายการบินได้ปรับเพิ่มเที่ยวบินมาเป็นทุกวัน ก็แสดงให้เห็นถึงความต้องการเดินทางของผู้ใช้บริการ และความมั่นใจของสายการบินที่มองเห็นศักยภาพในการเติบโตของเมืองนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
ในปัจจุบันสายการบินเอทิฮัดเปิดเส้นทางการบินในไทยทั้งหมด 4 จุดหมายด้วยกัน ได้แก่ กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, กระบี่ และเชียงใหม่

เชื่อมต่อสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง
การขยายเครือข่ายนี้เกิดขึ้นในช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้มีเพียงกลุ่มนักเดินทางชาวอาหรับเท่านั้น แต่ยังมีนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ที่ใช้เส้นทางบินดังกล่าว
ขณะเดียวกันก็ยังเป็นโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวไทย เดินทางเข้าสู่อาบูดาบีและเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางมากขึ้นด้วยเช่นกัน
การขยายเส้นทางการบินในครั้งนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation หรือ MoC) ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก
และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการขยายเครือข่ายให้บริการของสายการบิน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่สำคัญอย่าง กระบี่ เชียงใหม่ เมดาน และฮานอย รวมถึงการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไปยังกรุงเทพฯ และภูเก็ต
เพื่อตอบรับการเติบโตและสนับสนุนทุกการเดินทาง Etihud ยังได้ส่งโปรแกรม “Etihad Stopover” สำหรับผู้โดยสารที่ต้องต่อเครื่องผ่านอาบูดาบี ได้สิทธิพักโรงแรมฟรี สูงสุด 2 คืน เปิดโอกาสในการสำรวจมนต์เสน่ห์ของตะวันออกกลางได้อย่างเต็มที่

เครื่องบินรุ่นใหม่ ในระดับพรีเมียม
หนึ่งในจุดเด่นของเส้นทางบินใหม่นี้คือการใช้เครื่องบินรุ่นใหม่อยอย่าง Airbus A321LR ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับความสะดวกสบายและความหรูหราในระดับพรีเมียม สามารถรองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 160 ที่นั่ง ในห้องโดยสาร 3 ระดับ ได้แก่
- First Suites จำนวน 2 ห้อง ที่สามารถปิดประตูได้เพื่อความเป็นส่วนตัว พร้อมเตียงนอนปรับเอนราบเต็มรูปแบบ
- ชั้นธุรกิจ (Business Class) 14 ที่นั่ง พร้อมทางเดินตรงทุกที่นั่ง (Direct Aisle Access)
- ชั้นประหยัด (Economy Class) ที่ออกแบบเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด
ความพิเศษของ A321LR คือการใช้เครื่องบินลำตัวแคบ ที่ปรับใช้สิ่งอำนวยความสะดวก และประสบการณ์ที่ได้รับในระดับเดียวกันกับเครื่องบินลำตัวกว้าง มาสู่เครื่องที่เล็กลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังออกแบบมาให้เหมาะกับการเดินทางในเที่ยวบินภูมิภาคและเที่ยวบินระยะกลางอีกด้วย

ปัจจุบันเอทิฮัดมีเครื่องบินกว่า 115 ลำ และมีแผนขยายจำนวนให้มากกว่า 200 ลำในอนาคต รวมถึงเพิ่มเส้นทางการบินสู่ 125 จุดหมายทั่วโลก พร้อมบริการนักเดินทางกว่า 38 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2573 เพื่อรองรับการเติบโตของเส้นทางบินใหม่ทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มองว่าเป็นภูมิภาคยุทธศาสตร์สำคัญของอนาคต
ทั้งนี้ ในโอกาสเปิดเส้นทางบินใหม่ สายการบินเอทิฮัดพร้อมมอบสิทธิพิเศษแก่สมาชิกใหม่และสมาชิกปัจจุบัน ด้วยการอัปเกรดสถานะเป็นระดับ Gold ทันที ระหว่างวันที่ 3–30 พฤศจิกายน 2568 ผู้โดยสารที่ทำการจองและเดินทางภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังจากลงทะเบียน จะมีสิทธิ์ขยายสถานะระดับ Gold ออกไปอีก 12 เดือน
ข้อเสนอพิเศษนี้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้สัมผัสสิทธิประโยชน์ครบครันของระดับ Gold ตั้งแต่เที่ยวบินแรก อาทิ การเข้าใช้ห้องรับรองผู้โดยสารชั้นธุรกิจ การเลือกที่นั่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสิทธิ์ในการนำสัมภาระเพิ่มเติมขึ้นเครื่องบิน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา