Esri Thailand จัด TUC 2025 โชว์ล้ำเทคโนโลยี GIS ช่วยภารกิจ “ตึกถล่ม” ตอกย้ำพลังบูรณาการข้อมูล

บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด ในกลุ่มบริษัทซีดีจี ตอกย้ำผู้นำด้าน Location Intelligence อีกขั้น ด้วยการสาธิตศักยภาพ ArcGIS ที่ใช้งานจริงในภารกิจช่วยเหลือเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มจากแผ่นดินไหว ในงาน Thai GIS User Conference 2025 (TUC 2025) ที่เชื่อมโยงข้อมูลให้ทุกหน่วยงานเห็น “ภาพเดียวกัน” สนับสนุนการตัดสินใจร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ โดยงานนี้มีผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และภาคการศึกษากว่า 1,000 คน เข้าร่วมอัปเดตเทคโนโลยี แลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมถึงความเปลี่ยนแปลงโซลูชันด้านอื่นที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ อาทิ สาธารณูปโภค พลังงาน และ เมืองอัจฉริยะ เป็นต้น ภายใต้ธีม “GIS – Integrating Everything, Everywhere” ชูความสำคัญของการบูรณาการข้อมูลจากทุกส่วน รับมือทุกวิกฤตและความท้าทาย เร่งเครื่องการพัฒนาประเทศในทุกมิติอย่างยั่งยืน

แพร พันธุมวนิช ประธานบริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “งาน TUC 2025 คือเวทีที่กำหนดทิศทางการใช้ GIS ของประเทศไทย เพราะเรามองว่าเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่แค่เครื่องมือทำแผนที่
แต่คือแพลตฟอร์มกลางที่บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล คน และองค์กร จากทุกภาคส่วนเข้าสู่ระบบเดียวกัน เพื่อสร้างความเข้าใจและการตัดสินใจที่แม่นยำ รวดเร็ว ยกระดับให้การพัฒนาประเทศในทุกมิติเป็นไปได้จริง และตัวอย่างที่สะท้อนพลังนี้ได้อย่างชัดเจนในปีนี้ คือ ภารกิจกู้ภัยตึก สตง. ถล่ม ที่พิสูจน์แล้วว่า เมื่อข้อมูลจากทุกหน่วยงานถูกรวมเป็นภาพเดียวกัน การช่วยเหลือสามารถทำได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยง และยกระดับมาตรฐานการจัดการวิกฤตของประเทศได้อย่างแท้จริง”

การสาธิตเริ่มจากการจำลองสถานการณ์แผ่นดินไหวที่ทำให้ตึกถล่ม โดยนำข้อมูลจากภาพถ่ายโดรน และการสำรวจภาคสนามเข้าสู่ระบบ ArcGIS ประมวลผลเป็นโมเดล 3 มิติ วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง และจุดเข้าถึงที่ปลอดภัย ข้อมูลทั้งหมดถูกรวมเข้าสู่แดชบอร์ดกลาง เพื่อให้ทุกหน่วยงาน ตั้งแต่ทีมกู้ภัย วิศวกรโครงสร้าง ไปจนถึงฝ่ายสื่อสาร สามารถติดตามสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์ ผลลัพธ์คือการกำหนดแผนปฏิบัติการได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ลดขั้นตอนประสานงานข้ามหน่วยงาน และเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ สะท้อนให้เห็นประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันบนข้อมูลเดียวกันได้อย่างชัดเจน

ภายในงานยังแสดงถึงศักยภาพของ ArcGIS ในการบูรณาการข้อมูลร่วมกับเทคโนโลยี AI และคลาวด์ เพื่อการจัดการ วิเคราะห์เชิงลึก การคาดการณ์ ไปจนถึงการเสนอแผนปฏิบัติการแบบเรียลไทม์ พร้อมเปิดให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงข้อมูลเดียวกัน และเชื่อมโยงการทำงานข้ามองค์กรอย่างไร้รอยต่อ อาทิ

  1. การจัดการภัยพิบัติ (Disaster Management) ใช้ระบบคลาวด์บูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อระบุตำแหน่งพื้นที่ประสบภัยแบบเรียลไทม์ สนับสนุนการค้นหาและกู้ภัย พร้อมเครื่องมือจำลองสถานการณ์ เพื่อคาดการณ์พื้นที่เสี่ยง วางแผนป้องกัน และช่วยเหลืออย่างแม่นยำ
  2. สาธารณูปโภคและพลังงาน (Utilities & Clean Energy) ผสาน GIS ทำงานร่วมกันบนคลาวด์ในการบริหารและควบคุมโครงข่ายไฟฟ้า ประปา การสื่อสาร และพลังงานสะอาด อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อวางแผนซ่อมบำรุง ลดความเสี่ยงการหยุดชะงักของบริการ และลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว 
  3. เมืองอัจฉริยะ (Smart City) สร้างแพลตฟอร์ม Geo City Data Platform เชื่อมข้อมูลโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย สาธารณสุข และการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่านคลาวด์ เพื่อการบริหารเมืองอย่างแม่นยำ คล่องตัว และตอบสนองเหตุฉุกเฉินได้รวดเร็ว
  4. ทรัพยากรธรรมชาติและเกษตรกรรม (Natural Resources & Agriculture) ใช้ GeoAI ช่วยวิเคราะห์ ตรวจสอบคุณภาพน้ำ มลพิษ และการใช้ที่ดินให้สอดคล้องมาตรฐาน EUDR พร้อมใช้คลาวด์เชื่อมข้อมูลภาคเกษตร เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

“Esri Thailand พร้อมเดินหน้าต่อยอดแนวทางจากงาน TUC 2025 ไปสู่การปฏิบัติจริง โดยจะผลักดันการใช้เทคโนโลยี GIS ผสาน Cloud, AI และเทคโนโลยีอื่น ๆ ให้เป็นแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา จนถึงภาคประชาชน เพื่อสร้างระบบการทำงานร่วมกันที่ต่อเนื่อง ตรวจสอบได้ และเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง ความร่วมมือเหล่านี้จะไม่เพียงช่วยยกระดับศักยภาพด้านข้อมูลของประเทศ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญสู่การแก้ไขข้อจำกัดเชิงระบบ เสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน และวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนของสังคมไทยในอนาคต” แพร พันธุมวนิช กล่าวทิ้งท้าย

นอกจากนี้ งาน TUC 2025 ยังเป็นเวทีแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยในระดับโลก ผ่านการมอบรางวัล Special Achievement in GIS (SAG) Awards 2025 จากบริษัท Esri Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยปีนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) คว้ารางวัลจากการประยุกต์ใช้ ArcGIS ในการบริหารจัดการโครงข่ายระบบไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การประเมินค่าใช้จ่ายในการขอใช้ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาดำเนินงานจากหลายวันเหลือเพียงไม่ถึงชั่วโมง และยกระดับมาตรฐานการบริการประชาชนอย่างก้าวกระโดด ด้วยการนำแผนที่โครงข่ายระบบไฟฟ้ามาใช้ในงานปฏิบัติการภาคสนามแบบเรียลไทม์ สะท้อนให้เห็นศักยภาพของคนไทยในการใช้ GIS ในระดับสากล

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา