Epson พร้อมลุยไฟในช่วงเศรฐกิจไทยชะลอตัว เปิดตัวเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท โปรเจคเตอร์รุ่นใหม่รวม 13 รุ่น พร้อมกลยุทธ์ที่สินค้าที่เน้นต้นทุนการผลิตต่ำ ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยอมรับปัญหาข้อพิพาทประเทศเพื่อนบ้านทำการส่งสินค้าสะดุด เชื่อหลังรัฐบาลผ่านงบประมาณจะกระตุ้นการจับจ่าย ได้ยอดกลับมาให้ใกล้เคียงตามเป้าที่วางไว้

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Epson เพิ่งได้เริ่มต้นปีงบประมาณ 2568 ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้เปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ ทั้งเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทจำนวน 7 รุ่น และโปรเจคเตอร์ 15 รุ่น และตอกย้ำความสำเร็จในฐานะแบรนด์อันดับ 1 ของโลก ทั้งในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ที่ครองแชมป์ยอดขายต่อเนื่อง 15 ปี มียอดขายรวมทั่วโลกทะลุ 100 ล้านเครื่อง และโปรเจคเตอร์ที่ขายดีที่สุดตั้งแต่ปี 2544 ถึง 2567 สำหรับประเทศไทย เอปสันยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ด้วยส่วนแบ่งสูงสุด 47% และโปรเจคเตอร์ที่ 51% สะท้อนความเชื่อมั่นจากทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและภาคธุรกิจ
“สินค้าในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เรามาเน้นกลยุทธ์ให้ผู้ใช้งาน เปลี่ยนผ่านจากการใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์ มาใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่ประหยัดด้วยต้นทุนการพิมพ์ที่ลดลง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องการประหยัดไฟ ไม่สร้างมลพิษฝุ่นผงในที่ทำงาน ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ จากข้อมูลการตลาดพบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องพิมพ์เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์เติบโตต่อเนื่องจนมีส่วนแบ่งถึง 57% ของตลาดรวม และสูงถึง 80% ในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่ประหยัด คุ้มค่า ใช้งานง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดย Epson ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ที่ไม่ต้องใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ จึงลดการใช้พลังงานได้ถึง 85% เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ทำให้ประหยัดค่าไฟ ลดการปล่อยคาร์บอนฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทของ Epson สามารถเข้ามาแทนที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์ ด้วยฟังก์ชันที่ครบ สีสวย และต้นทุนการใช้งานที่ต่ำ พร้อมมั่นใจในคุณภาพ รับประกันความทนทานในการพิมพ์สูงสุดถึง 100,000 แผ่น ซึ่งนับเป็นการรับประกันยาวนานที่สุดในตลาดขณะนี้”
สำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่เอปสันเปิดตัวมีทั้งหมด 7 รุ่น ประกอบด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ Epson EcoTank Series จำนวน 3 รุ่น ได้แก่ L4360, L6370 และ L6390 และอีก 3 รุ่นจาก Epson WorkForce Pro Series ได้แก่ EM-C800, EM-C8100 และ EM-C8101 รวมกับ AM-M5500 จากกลุ่ม Epson WorkForce Enterprise Series
สำหรับโปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ของ Epson เปิดตัวรุ่นใหม่ 15 รุ่นโดยเริ่มต้นจากรุ่นเริ่มต้นที่ใช้งานในร้านค้า ห้องเรียน ห้องประชุม ฉายภาพขนาดใหญ่ได้สูงสุด 300 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 4,100 ลูเมน ไปยังรุ่นโปรเจคเตอร์เลเซอร์ ความละเอียดระดับ 4K Enhancement ความสว่างตั้งแต่ 6,000 ถึง 8,000 ลูเมน เหมาะสำหรับพิพิธภัณฑ์ ธุรกิจเฉพาะกลุ่มที่ต้องการฉายภาพไปยังพื้นผิว หรือวัตถุต่างๆ โดยคุณภาพที่ยังคมชัดเหมือนฉายภาพลงไปพื้นผิวทั่วไป
โปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปมีทั้งหมด 15 รุ่น โดยแบ่งเป็นโปรเจคเตอร์รุ่น Smart หรือกลุ่มระดับเริ่มต้นถึงระดับกลางทั้งหมด 7 รุ่น ได้แก่ EB-E12, EB-E24, EB-X52, EB-W53, EB-W55, EB-FH54 และ EB-W56S และโปรเจคเตอร์เลเซอร์ 8 รุ่น ประกอบด้วย EB-L890E, EB-L690E, EB-L890U, EB-L790U, EB-L690U, EB-L790SE, EB-L690SE และ EB-L690SU
การเมือง เศรษฐกิจไทย กำแพงภาษี พิพาทชายแดน สู่สภาวะตลาดหดตัว
ยรรยง ประเมินความเสี่ยงต่อปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งเรื่องการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพ เศรษฐกิจไทยชะลอตัว ปัญหากำแพงภาษีของสหรัฐยังไม่มีความชัดเจน รวมไปถึงปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รวมไปถึงการเมืองที่ส่อทำให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีมีความไม่แน่นอน
“Epson เริ่มปีงบประมาณ 2568 ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มาถึงตอนนี้ผ่านมาเพียงไม่ถึงสามเดือน และด้วยสินค้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปรวมกว่า 13 รุ่น ทำให้เรายังไม่สามารถประเมินเรื่องผลกระทบยอดขายโดยรวม รวมถึงเป้าการเติบโตที่เราตั้งไว้ได้ แต่อาจจะได้รับผลกระทบอยู่บ้างจากปัจจัยใหม่ๆ อย่างข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นาน ซึ่งเราเองพบปัญหาในการส่งสินค้าออกไปยังกัมพูชาผ่านชายแดนไม่ได้ แต่เรามีแผนสำรองโดยการส่งสินค้าออกตรงจากสิงคโปร์ไปยังกัมพูชา
ส่วนเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทยังไม่ได้ผลกระทบแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่ส่วนของโปรเจคเตอร์อาจจะได้รับผลกระทบในเรื่องของยอดขาย เนื่องจากเป็นสินค้าที่มักใช้ในหน่วยงานรัฐเป็นหลัก และต้องรองบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา หากตั้งเบิกได้เมื่อใด คาดว่าในเดือนตุลาคมนี้จะสามารถประเมิน และมีความชัดเจน จากการจับจ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชนที่มีมากขึ้นช่วงก่อนสิ้นปี”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา