การบริหารจัดการเงินฉุกเฉินเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจทุกแง่มุมของการเก็บเงินฉุกเฉิน เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
เงินสำรองฉุกเฉินคืออะไร
เงินฉุกเฉินเปรียบเสมือนเกราะป้องกันทางการเงินที่จะช่วยคุ้มครองคุณในยามวิกฤต เป็นเงินก้อนที่แยกออกมาจากบัญชีใช้จ่ายปกติและเงินออมเพื่อเป้าหมายอื่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเจ็บป่วยฉุกเฉิน การซ่อมแซมบ้านหรือรถยนต์ หรือการขาดรายได้ชั่วคราว การมีเงินฉุกเฉินที่เพียงพอจะช่วยให้คุณไม่ต้องพึ่งพาการก่อหนี้เมื่อต้องการใช้เงินด่วน
เพราะเหตุใดควรมีเงินสำรองฉุกเฉิน
ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การมีเงินฉุกเฉินเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การตกงานกะทันหัน การมีเงินฉุกเฉินจะช่วยให้คุณมีเวลาในการหางานใหม่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายประจำวัน หรือในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน เงินก้อนนี้จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ เงินฉุกเฉินยังช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเงิน ทำให้คุณมีความมั่นใจในการดำเนินชีวิตและการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ มากขึ้น
เงินสำรองฉุกเฉินควรมีเท่าไร
จำนวนเงินฉุกเฉินที่เหมาะสมนั้นแตกต่างกันไปตามสถานะและความเสี่ยงในชีวิตของแต่ละคน สำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำและงานที่มั่นคง การมีเงินฉุกเฉินประมาณ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือนอาจเพียงพอ แต่สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน หรือมีภาระครอบครัวที่ต้องดูแล ควรมีเงินฉุกเฉินมากถึง 9-12 เดือนของค่าใช้จ่าย
วิธีคำนวณเงินสำรองฉุกเฉิน
การคำนวณจำนวนเงินฉุกเฉินที่เหมาะสมเริ่มจากการประเมินค่าใช้จ่ายจำเป็นในแต่ละเดือนอย่างละเอียด ซึ่งประกอบด้วยค่าที่พักอาศัย ค่าสาธารณูปโภค ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ
ตัวอย่าง: หากค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือนรวม 30,000 บาท และต้องการมีเงินฉุกเฉิน 6 เดือน จะต้องเก็บเงินทั้งหมด 180,000 บาท
3 วิธีเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน
1. ประเมินค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน
การประเมินค่าใช้จ่ายที่แท้จริงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ เริ่มจากการจดบันทึกค่าใช้จ่ายทุกรายการอย่างละเอียดเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน จากนั้นแยกแยะระหว่างค่าใช้จ่ายจำเป็นและค่าใช้จ่ายที่สามารถตัดทอนได้ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมทางการเงินและกำหนดเป้าหมายการเก็บเงินฉุกเฉินได้อย่างเหมาะสม
2. ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
เมื่อทราบค่าใช้จ่ายที่แท้จริงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การทำอาหารทานเองแทนการทานนอกบ้านบ่อยๆ การยกเลิกสมาชิกบริการที่ไม่จำเป็น หรือการหาวิธีประหยัดค่าสาธารณูปโภค เงินที่ประหยัดได้ควรนำไปเก็บเป็นเงินฉุกเฉินทันที
3. กำหนดจำนวนเดือนที่ต้องการเงินสำรอง
การกำหนดระยะเวลาที่ต้องการมีเงินฉุกเฉินควรพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความมั่นคงของอาชีพ จำนวนคนในครอบครัวที่ต้องดูแล และภาระหนี้สินที่มีอยู่ แนะนำให้เริ่มจากเป้าหมายที่เป็นไปได้ก่อน เช่น 3 เดือนของค่าใช้จ่าย แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 6 เดือน หรือมากกว่านั้นตามความเหมาะสม
สรุปบทความเงินสำรองฉุกเฉิน
การมีเงินฉุกเฉินเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงทางการเงิน แต่หากคุณยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเก็บเงิน และต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน พรอมิสพร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีเงื่อนไขยืดหยุ่น ด้วยดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 15 – 25% ต่อปี อนุมัติทันใจใน 1 ชั่วโมง* และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน
สนใจสมัครสินเชื่อหรือปรึกษาเรื่องการวางแผนการเงิน สามารถติดต่อได้ที่สาขาพรอมิสทั่วประเทศ หรือผ่านแอปพลิเคชัน PROMISE เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำรายการ
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
ดอกเบี้ย 15%-25% ต่อปี
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการสมัครที่ promise.co.th
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*หากยื่นเอกสารครบถ้วนภายใน 18:00 น. และไม่มีเหตุขัดข้องด้านเอกสารหรือระบบ จะสามารถอนุมัติได้ภายใน 1 ชั่วโมง หรือภายในวันถัดไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา