ไม่กี่วันมานี้ ‘อีลอน มัสก์’ เพิ่งประกาศว่าจะพักจาก ‘การเมือง’ เพื่อหันมาโฟกัสกับธุรกิจของเขา โดยเฉพาะ ‘Tesla’ ทำเอาสาวกอีลอน และนักลงทุนต่างตื่นเต้นสุดๆ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาให้เวลากับ Tesla แบบจริงจัง
นักวิเคราะห์อย่าง ‘แดน ไอฟส์’ ถึงกับบอกว่านี่คือ ‘ข่าวดี’ ที่ผู้ถือหุ้นอยากได้ยินที่สุด ขณะที่แฟนคลับรายใหญ่ เช่น ‘Tesla Owners Silicon Valley’ ก็ออกมาเชียร์มัสก์อย่างเต็มที่ หลังเจ้าตัวกำลังกลับมาลุยธุรกิจเต็มสูบ
แต่ความตั้งใจนั้นอยู่ได้แค่ 5 วันเท่านั้น เพราะมัสก์กลับมาอีกครั้งในโลกการเมือง หลังเขาโพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X เมื่อวันอังคารว่า “ทนไม่ไหวแล้ว” กับกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ของประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อย่างรุนแรง
พักการเมือง แต่ไม่ทิ้ง Tesla
มัสก์ไม่ได้อ้อมค้อมเลย เขาเขียนว่า “ร่างกฎหมายใช้จ่ายของสภาคองเกรสฉบับนี้มันใหญ่โต บ้าคลั่ง และเต็มไปด้วยความสิ้นเปลือง เป็นอะไรที่น่าขยะแขยงสุดๆ”
อะไรที่ทำให้มัสก์โมโหขนาดนี้? จากรายงานของสำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) กฎหมายฉบับนี้จะเพิ่มหนี้สาธารณะอีก 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 78.31 ล้านล้านบาทในสิบปีข้างหน้า
ส่วนใหญ่เป็นเพราะการลดภาษีครั้งใหญ่ที่ทำให้รายได้รัฐหายไป 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ฯ (120.73 ล้านล้านบาท) แม้จะมีการตัดงบประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ฯ (48.94 ล้านล้านบาท) และเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมและความมั่นคงชายแดนอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ฯ (9.79 ล้านล้านบาท) ก็ตาม ขณะที่หนี้รวมของประเทศก็ใกล้แตะ 37 ล้านล้านดอลลาร์ฯ หรือสูงถึง 1,207.25 ล้านล้านบาทแล้ว
ยังไม่หมด อันนี้อาจเป็นเรื่องที่กระทบ Musk เต็มๆ เพราะร่างกฎหมายยังตัดสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสำหรับรถยนต์ EV ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า Tesla โดนเต็มๆ
มัสก์ไม่ได้แค่โพสต์ทีเดียวแล้วจบ เขาใช้เวลาทั้งวันอังคารและพุธโพสต์ซ้ำๆ ตอบกลับ และแชร์โพสต์จากคนอื่นๆ ที่โจมตีสิ่งที่เขาเรียกแบบประชดว่า ‘Big Beautiful Bill’ หนึ่งในโพสต์ของเขาบอกเลยว่า “การใช้จ่ายแบบบ้าคลั่งนี้จะทำให้อเมริกาตกเป็นทาสหนี้!”
ก็รู้อยู่แล้ว จะมาวีนอะไร
ด้านประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ออกมาตอบโต้คำวิจารณ์ของมัสก์เป็นครั้งแรก โดยบอกว่า ตนกับมัสก์เคยมี ‘ความสัมพันธ์ที่ดีมาก’ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะยังดีอยู่มั้ยต่อจากนี้
ทรัมป์ระบุว่าที่มัสก์ไม่พอใจ ก็น่าจะเป็นเพราะร่างกฎหมายนี้เตรียมจะยกเลิกสิทธิ์ลดหย่อนภาษีรถยนต์ EV ซึ่งมันคือเงินจำนวนมากที่ให้กับรถยนต์ EV แล้วตอนนี้ก็กำลังเจอปัญหา
“อีลอนรู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกหนิ” ทรัมป์ตอกกลับ
แต่มัสก์ก็ไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ ตอบโต้กลับทันทีผ่าน X โดยบอกว่า เรื่อง EV ที่ถูกตัดทิ้งเป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหาเท่านั้น เพราะปัญหาที่แท้จริง คือภูเขาแห่งความสิ้นเปลือง และน่าขยะแขยงที่อยู่ในร่างกฎหมายนี้ต่างหาก
แถมโต้กลับคำพูดของทรัมป์ที่บอกว่า เขารู้อยู่แล้วเกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้ว่า ไม่เป็นเรื่องจริง ร่างกฎหมายนี้ไม่เคยถูกส่งให้ตนดูแม้แต่ครั้งเดียว มันถูกผ่านกลางดึกอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีใครในรัฐสภาได้อ่านมันจริงๆ ด้วยซ้ำ
ทรัมป์ยังบอกว่า มัสก์อาจแสดงออกแบบนี้เพราะคิดถึงทำเนียบขาวหรือเปล่า ซึ่งมัสก์ไม่ใช่คนแรกที่มีอาการแบบนี้หรอก คนที่เคยอยู่ในทีมต พอจากกันไปสักพักก็เริ่มคิดถึงหนักมาก บางคนกลับมาสนับสนุนตน แต่บางคนก็กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามแบบไม่คาดคิด ตนไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร
“แต่หลายคนบอกว่ามันคือ ‘อาการแพ้ทรัมป์’ ล่ะมั้ง”
ยูจะเปิดศึกกับไอใช่มั้ย
ความขัดแย้งไม่ได้จบแค่นั้น เมื่อทรัมป์เปิดศึกแรงขึ้น โพสต์บน Truth Social ว่า วิธีประหยัดงบที่ง่ายที่สุดคือ ตัดเงินสนับสนุนและสัญญาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของมัสก์ ทั้ง Tesla และ SpaceX ซึ่งรวมถึงโครงการขนาดใหญ่ เช่น การร่วมมือด้านอวกาศกับ NASA และสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS)
“ผมยังแปลกใจว่า ‘ไบเดน’ ไม่ทำตั้งแต่ต้น”
ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที ทรัมป์โพสต์ด้วยว่า เขาเคยขอให้มัสก์ออกจากทำเนียบขาว และอ้างว่าซีอีโอคนดังอยู่ๆ ก็ ‘เพี้ยน’ ไปซะงั้น
มัสก์ไม่รอช้า โพสต์ตอบโต้แรงขึ้นเรื่อยๆ บอกว่าหากตนไม่มีการสนับสนุนทรัมป์ในปี 2024 พรรครีพับลิกันจะไม่ชนะการเลือกตั้ง พร้อมเปิดโพลใน X ว่าควรตั้งพรรคการเมืองใหม่หรือไม่
ในอีกโพสต์หนึ่ง มัสก์ยังอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ทรัมป์ปรากฏชื่ออยู่ในเอกสารเกี่ยวกับ ‘เจฟฟรีย์ เอปสไตน์’ นักธุรกิจการเงินชื่อดังที่เคยถูกจับในข้อหาค้ามนุษย์ทางเพศ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้อมูลบางส่วนยังไม่ถูกเปิดเผย
แถมยังเรียกร้องให้ทรัมป์ถูกถอดถอน และให้รองประธานาธิบดี ‘เจดี แวนซ์’ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
โดยอ้างนโยบายภาษีทรัมป์ ทำให้เศรษฐกิจถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้” พร้อมเสริมว่าตนต้องการ ‘ระบบภาษีศูนย์’ ระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป ซึ่งขัดกับแนวทางของทรัมป์อย่างสิ้นเชิง
ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นสงครามคำพูด แต่ยังกระทบวงกว้างถึงหุ้น Tesla ที่ร่วงลงถึง 15% ภายในวันเดียว ทำให้มูลค่าตลาดหายไปมากกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ฯ (ราว 5.2 ล้านล้านบาท) ซึ่งร่วงหนักที่สุดภายในวันเดียวตามข้อมูลของ FactSet
ส่วนความมั่งคั่งของมัสก์ ก็ลดลงกว่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือกว่า 1.18 ล้านล้านบาทภายในวันเดียว กลายเป็นการสูญเสียทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ ตามที่ Bloomberg Billionaires Index รายงาน เป็นรองสถิติเดิมในปี 2021
มัสก์กับการเมืองที่ถอยไม่พ้น(?)
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์หลังจากมัสก์ออกทัวร์สื่อประกาศว่าเขาจะพักจากเรื่องการเมือง (อย่างน้อยก็ชั่วคราว) เขายอมรับด้วยซ้ำว่าอาจจะใช้เวลากับการเมืองมากเกินไป
แต่ตอนนี้ที่มัสก์กลับมาแตะการเมืองอีกครั้ง หลายคนก็เริ่มสงสัยว่าเขาตั้งใจจะถอยจริงๆ หรือเปล่า ตามที่วันอังคารเขาทวีตว่า “เดือนพฤศจิกายนปีหน้า เราจะไล่นักการเมืองทุกคนที่ทรยศต่อประชาชนออกให้หมด”
ย้อนกลับไปในปี 2024 มัสก์ก็เคยทุ่มสุดตัวเพื่อสิ่งที่เขาเชื่อ โดยเทเงินกว่า 250 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 8,157.13 ล้านบาท สนับสนุนการเลือกตั้งของทรัมป์ แต่ตอนขึ้นเวที ‘Qatar Economic Forum’ เมื่อ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา เขาบอกว่าอยากพักเรื่องการใช้เงินกับการเมืองไว้ก่อน
“ถ้าในอนาคต ผมเห็นเหตุผลที่จะใช้เงินกับการเมือง ผมก็จะทำ แต่ตอนนี้ผมยังไม่เห็นเหตุผลนั้น ผมจะใช้จ่ายน้อยลงเยอะเลยในอนาคต ผมคิดว่าผมทำมากพอแล้ว”
ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มัสก์ยังใช้พลังจากแพลตฟอร์มของตัวเองเพื่อโน้มน้าวความเห็นสาธารณะด้วย ในเดือนธันวาคมปี 2024 เขาเคยรวมพลังต่อต้านร่างกฎหมายชั่วคราวที่มีเป้าหมายป้องกันการชัตดาวน์ของรัฐบาล ด้วยคำถามประชดว่า “เคยเห็นอะไรที่ฟุ่มเฟือยกว่านี้มั้ย?”
แต่ดูจากความร้อนแรงที่มัสก์มี ทุกครั้งที่นโยบายใดๆ กระทบธุรกิจของเขา ก็ยิ่งชัดว่าการถอยออกจากการเมือง อาจไม่ใช่ทางเลือกจริงๆ ของเขา
- ชะตาชีวิตที่เลี่ยงไม่ได้: Elon Musk เดี๋ยวรวย เดี๋ยวจน ตามอารมณ์เพื่อนรัก พ่อใหญ่ทรัมป์
- Elon Musk สายเปย์ตัวพ่อ เบื้องหลังผลักดันทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัย 2
ที่มา: Business Insider [1] [2], New York Post, CRFB, CNN, Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา