ล่าสุด Elon Musk เริ่มอีกแล้ว เขากล่าวในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทว่า จะเดินหน้าเตรียมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla รุ่นถัดไปและคาดว่าจะผลิตได้ในปี 2025 และก็เรียกร้องให้วิศวกรทั้งหลายอาจจะต้องใช้ชีวิต กิน นอนที่สายการผลิตรถยนต์เทสลาในโรงงานเท็กซัสนะ เพื่อเร่งผลิตรถยนต์รุ่นถัดไป
เอาจริงๆ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพนักงานภายใต้การดูแลของ Elon Musk เท่าไร เพราะหลายต่อหลายคนก็เคยพูดถึงเรื่องนี้กันมามากแล้วว่า พวกเขาต้องใช้ชีวิตค้างคืนอยู่ที่ออฟฟิศหลายต่อหลายครั้งเพื่อทำงานให้มัสก์ หลายคนก็ป่วยและบาดเจ็บจากการทำงานด้วย ตัวมัสก์เองก็เป็นคนที่บูชาการทำงานหนักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ปัจจุบัน Tesla ก็กำลังเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อตอบโจทย์ตลาดแมสมากขึ้น ซึ่งผลประกอบการเมื่อไตรมาส 4 ที่ผ่านมาก็ถือว่าลดลงจากเดิมกว่า 4% หุ้นร่วงกว่า 5% หลังจากที่บริษัทคาดการณ์รายได้พลาดและยังเตือนว่ายอดขายในปี 2024 น่าจะชะลอตัวลงด้วย รายได้จากรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 2.51 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 8.9 แสนล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ที่ 2.587 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 9.2 แสนล้านบาท กำไรต่อหุ้นก็ลดลงจาก 0.73 เหรียญสหรัฐเป็น 0.71 เหรียญสหรัฐ
Musk กล่าวกับนักลงทุนว่า เราจำเป็นต้องให้วิศวกรมาใช้ชีวิตอยู่ในไลน์การผลิตจริงๆ ซึ่งอดีตพนักงานโรงงาน Tesla ก็เคยต้องนอนที่โรงงานมาก่อนหน้า เพื่อผลิตรถยนต์ให้ทันเดดไลน์ที่กำหนดไว้ บ้างก็เคยนอนที่โรงงานผลิต Tesla ที่แคลิฟอร์เนีย หลังจากทำงานยาวนาน 12 ชั่วโมง ขณะที่ Musk เองก็บอกว่า เขาเองก็นอนอยู่ใต้โต๊ะทำงานเหมือนกัน เป็นการนอนค้างยาวนาน 3 ปีติดต่อกัน และปกติเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในโรงงานผลิต Tesla เป็นส่วนใหญ่ด้วย
Musk เคยกล่าวไว้ว่ารถยนต์ของ Tesla รุ่นถัดไปจะเป็นรถที่เข้าถึงตลาดแมสหรือตลาดขนาดใหญ่ เพื่อให้พวกเขาเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่ไม่แพงได้ โดยชื่อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้คือ Redwood เตรียมเข้าสู่การผลิตครึ่งปีหลังของปี 2025 ที่โรงงาน Gigafactory เมืองเท็กซัส ซึ่ง Musk เองก็ยอมรับว่าเขามักจะมองโลกในแง่ดีอยู่บ่อยๆ ในเรื่องของจังหวะเวลา แต่ก็ยังไม่สามารถคาดกาณณ์ได้ว่าจะสามารถผลิตรถยนต์ได้กี่คันในช่วงแรกๆ
นอกจากนี้ Musk ยังแอบใบ้เรื่องราคาไว้ว่า น่าจะมีราคาต่ำกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.06 ล้านบาท (ประมาณ หนึ่งล้านหกหมื่นบาท) แน่นอนว่าการทุ่มเททำงานหนักเช่นนี้ไม่ใช่แค่ต้องการตอบสนองตลาดแมสอย่างเดียว แต่เป็นเพราะคู่แข่งรายใหญ่ที่กำลังมาแรงระดับโลก หรือ BYD รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนนี่แหละที่ทำให้เขารู้สึกกดดัน เพราะจีนกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว ตอบสนองตลาดได้ค่อนข้างมากด้วย แม้จะยังไม่ได้จัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาก็ตาม
ที่มา – Entrepreneur, Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา