นโยบายเรื่อง “ปลดล็อกกัญชา” ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยหาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชนไว้วันนี้เป็นจริงเเล้ว….หลายฝ่ายตอบสนองนโยบาย โดยการจำหน่าย จ่าย เเจก ต้นกัญชา ขายกัญชาอบเเห้งตามริมถนน ทุกวันนี้หาซื้อ “กัญชา” ง่ายพอๆกับซื้อหน้ากากอนามัย เเต่….
การปลดล็อก “กัญชา” เพื่อสนองนโยบายหาเสียงครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อเด็กเเละเยาวชน ไร้ซึ่งความผิดชอบ
ปรากฏให้เห็นตามสื่อฯถึงผลกระทบที่มีต่อคนที่ไม่ทราบว่าอาหารหรือเครื่องดื่มมีส่วนผสมของใบกัญชา เเล้วบริโภคหรือดื่มเข้าไปส่งผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว เเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนร่างกายเราวิ่งอยู่ตลอด 3-4 ชั่วโมง หัวใจเต้นอยู่ที่ 180 ครั้ง/วินาที ไม่มีหยุดพัก หัวใจเต้นเร็ว ทำงานหนัก ด้วยฤทธิ์ของสารทำให้ชีพจรผ่อนเเรงลงไม่ได้ เกิดภาวะช็อกอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทีมงาน Brand Inside ได้พูดคุยกับ ผศ.นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงประโยชน์เเละผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาเมื่อนำกัญชาไปใช้
ประโยชน์การนำสารสกัด “กัญชา” มาใช้ทางการเเพทย์
ผศ.นพ.สหภูมิ เล่าวว่า สารสกัดของ THC CBD มีการนำมาใช้ในทางการเเพทย์ ปัจจุบันกรมการเเพทย์ก็มีการอบรม ออกคำแนะนำเเละข้อบ่งชี้ออกมา ค่อนข้างชัดเจน ข้อบ่งชี้หลัก 6 ข้อ ต้องย้ำก่อนว่าทั้ง 6 ข้อ เป็นการรักษาเสริม ไม่เป็นการรักษาเเรกเริ่มต้นเด็ดขาด เป็นการใช้เสริมจากการรักษาปกติ
ข้อที่ 1 อาการคลื่นไส้อาเจียนจากการรับยาเคมีบำบัด
ข้อที่ 2 กลุ่มของโรคลมชักที่ดื้อยา จะเป็นเรื่องของการใช้ CBD
กลุ่มของโรคลมชักที่ดื้อยา ก็จะมีการพิจารณาสาร CBD ในการรักษาเพิ่มเติมคุมอาการชักให้ดีขึ้น
ข้อที่ 3 อาการของปวดเส้นประสาท
ข้อที่ 4 โรคทางระบบประสาท เป็นอาการเกร็งกล้ามเนื้อของระบบประสาท ที่เรียกว่า MS
ข้อที่ 5 เป็นเรื่องของภาวะ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดเป็นคนน้ำหนักตัวน้อยในผู้ป่วยเอสด์ที่รับประะทานยาต้านไวรัส
ข้อที่ 6 เพื่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยที่รับการรักษาเเบบประคับประคอง เช่นอาการนอนไม่หลับ อาการปวด ในผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่มีการเบื่ออาหาร อาจจะได้ประโยชน์จากการนำสาร THC มาใช้
ผลกระทบจากการใช้ “กัญชา” เกินขนาด
ทำให้เกิดอาการหลอนประสาทได้ง่าย มีอาการมึนงง หากจำเป็นต้องใช้ควรอยู่ในการดูเเลของเเพทย์ ซึ่งจริงๆเเล้วไม่มีขนาดตายตัวที่ระบุใช้สำหรับทุกคน ไม่เหมือนยาอื่นๆ ที่เราบอกว่าทานยาพาราเซตามอลขนาดเท่านี้ ก็จะได้ผลกับคนส่วนใหญ่ เเต่ว่าในผู้ป่วยที่ต้องใช้สารสกัดจากกัญชา ต้องค่อยๆเพิ่มปริมาณจากต่ำไปสูง
การใช้ตามระบบคลินิก “กัญชาทางการเเพทย์” มีความปลอดภัยมีคำเเนะนำที่ถูกต้อง ส่วนที่รายงานออกมาตามข่าว นั้นก็เพราะไปหาซื้อเเละใช้กันเอง ไม่มีคนดูเเล พอเจ็บตัวมาคนขายก็หายไปแล้ว
ข้อมูลจากการศึกษาในต่างประเทศหลังจากที่มีการ “ปลดล็อกกัญชา” พบผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจขาดเลือดเพิ่มขึ้น หลังเสพกัญชาจะมีภาวะหัวใจขาดเลือดเพิ่มขึ้น 5 เท่า เพราะหัวใจเต้นเร็วเเละเเรง ส่วนในอาหารหรือเครื่องดื่มเมื่อคนบริโภคเข้าไปแล้วฤทธิ์จะออกช้ากว่าการสูบ เเต่ผลกระทบต่อร่างกายไม่ต่างกัน
สูบ “กัญชา” เเล้วทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อม
การศึกษาวิจัยในต่างประเทศมีการเก็บข้อมูลไว้ว่า จำนวนคนไข้ 3,000 คน เป็นกลุ่มที่ใช้กัญชา 1,000 คน ไม่ใช้กัญชา 2,000 คน พบว่า
“ในกลุ่มที่ใช้กัญชามีปัญหาเรื่องการเเข็งตัวของอวัยวะเพศถึง 69.1% ขนาดที่กลุ่มที่ไม่ใช้กัญชามีปัญหาเรื่องอวัยะเพศเเข็งตัวเพียง 34% ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ “นกเขาไม่ขัน” ในกลุ่มของผู้ใช้กัญชามีมากกว่าถึง 2 เท่าของคนทั่วๆไป”
อ่านเพิ่มเติม: “กัญชา” ช่วง สุญญากาศ จะให้จับข้อหาอะไรมิทราบ https://brandinside.asia/marijuana-freedom-thaipeople/
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา