หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี .. ผลกระทบต่อไทยในด้านเศรษฐกิจจากมุมมองของโลก เขามองไทยอย่างไรบ้าง?..มาดูกัน
หลังจากที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า..
ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
ก่อนจะไปประเด็นเศรษฐกิจ มาดูภาพรวมกันก่อน
CNN มองว่า ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองถูกยุบ มีนายกรัฐมนตรีถูกโค่นล้มจากตำแหน่งผู้นำประเทศ ก็ด้วยอำนาจทั้งจากคณะทหารที่ทำรัฐประหารและผลจากการที่ศาลตัดสิน เรียกได้ว่าตุลาการมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจที่กำลังคัดง้างกันอยู่
คดีที่เศรษฐา ทวีสิน ถูกฟ้องเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาโดยกลุ่มอดีตสมาชิกวุฒิสภาที่ถูกแต่งตั้งโดยทหารจำนวน 40 คน พยายามจะถอดถอนเขา หลังแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน ผู้ใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร โดยพิชิตฯ เคยถูกจำคุกเป็นเวลา 6 เดือนในปี 2008
ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า พิชิต ชื่นบาน ได้ละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลไม่ซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติกรรมอันฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ โดยในเวลาต่อมาพิชิตชื่นบานได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว
ขณะที่เศรษฐา ทวีสิน ยืนยันว่า ตนเองมีภูมิหลังจากการประกอบธุรกิจ มีประสบการณ์ทางการเมืองที่จำกัด ไม่มีความรู้ทั้งด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ จึงไม่อาจวินิจฉัยว่าพิชิตฯ เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
คำวินิจัฉัยระบุว่า ข้ออ้างดังกล่าวรับฟังไม่ได้ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในฝ่ายบริหารต้องมีความรับผิดชอบทุกการกระทำ
สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (5:4) วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง และรัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1)
มาดูผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจกันบ้าง ..
Reuters ระบุว่า คำตัดสินจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไทยกำลังประสบความยากลำบากด้านเศรษฐกิจ ส่งออกก็อ่อนแอ กำลังซื้อก็ไม่ค่อยมี ไหนจะหนี้ครัวเรือนมหาศาล อีกทั้งธุรกิจขนาดเล็กก็ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้
โดยณัฐชาต เมฆมาสิน นักเศรษฐศาสตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ส่งผลกระทบแง่ลบแน่นอน และยังมีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโดยตรงด้วย นโยบายสำคัญๆ อย่างแผนเรื่องการแจกเงินจำนวน 5 แสนล้านบาทอาจจบเห่ได้
เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ ด้วย
การใช้จ่ายและการลงทุนในด้านต่างๆ จะชะลอลงจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งรัฐบาลก็ได้ประมาณการไว้ว่าเศรษฐกิจน่าจะโตอยู่ที่ 2.7% ในปี 2024 ซึ่งก็ตามหลังประเทศคู่แข่งอื่นๆ ในภูมิภาค
ไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดที่มีผลงานแย่ที่สุดในเอเชีย วันนี้หุ้นก็ผันผวนมาก หลังจากศาลอ่านคำวินิจฉัยก็ทำให้หุ้นดิ่งลงทันที สรุปแล้ว -5.10 ปิดที่ 1,292.69
ขณะที่ Bloomberg รายงานว่า ปีนี้ กองทุนต่างชาติก็มีเงินไหลออกกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.04 แสนล้านบาท ส่งผลให้ดัชนี SET ของไทยแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ยอดแย่ที่สุดของตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่แล้ว ยิ่งเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ช้ายิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในภาวะอัมพาตทางนโยบายได้ง่าย
ที่มา – ศาลรัฐธรรมนูญ, CNN, Reuters, Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา