ตอนนี้ศึกระหว่างผู้ให้บริการ E-Commerce กับค้าปลีกดั้งเดิมนั้นหนักหน่วงจริงๆ ยิ่งในสหรัฐอเมริกาที่มีครัวเรือนสมัครสมาชิก Amazon Prime มากมาย การส่งสินค้าฟรีภายใน 2 วันก็ทำให้พวกเขาไม่ต้องไปห้างร้านอีกต่อไป
บริการคลังสินค้าคือจุดอ่อนที่ต้องรีบแก้ไข
มูลค่าการซื้อสินค้าบนโลก Online ในสหรัฐฯ นั้นมหาศาล ผ่านความสะดวกสบายในการจับจ่าย รวมถึงราคาที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อหาสินค้าทางช่องทางนี้เป็นลำดับแรกๆ จึงไม่แปลกที่กลุ่มค้าปลีกดั้งเดิมจะสต๊อกสินค้าน้อยลง แต่นี่คืออีกจุดตายหากร้านค้าเหล่านี้ยังเดินหน้าแผนดังกล่าวอยู่
เนื่องจากผู้สมัครสมาชิก Amazon Prime ในสหรัฐฯ ที่จะได้สิทธิ์ส่งสินค้าฟรีภายใน 2 วันนั้นมีถึง 55% ของครัวเรือนที่นั่น และพวกเขาต่างคิดมาก่อนแล้วว่า เมื่อจะซื้ออะไรสักอย่างหนึ่ง หากสิ่งนั้นต้องใช้งานภายใน 2 วันหรือมากกว่านั้น ก็จะไปซื้อที่ร้านค้าต่างๆ แต่ถ้ามันยังไม่ต้องใช้เร็วขนาดนั้นก็เลือกจะรอซื้อที่ Amazon แทน
แต่ปัญหามันจะเกิดเมื่อสินค้าที่ต้องการซื้อกลับไม่มีในสต๊อก เพราะผู้บริโภคที่สหรัฐฯ จะหยิบ Smartphone ขึ้นมาทันทีเพื่อหาซื้อสินค้าดังกล่าวทั้งทาง Amazon หรือช่องทาง Online อื่นๆ ซึ่งพฤติกรรมนี้ก็เป็นกับกลุ่มครัวเรือนที่ไม่ได้สมัครสมาชิก Amazon Prime ด้วย
และหากเป็นคนที่ซื้อของ Online ครั้งแรก หากพวกเขาประทับใจ ก็จะไม่กลับมาซื้อสินค้าตามห้างร้านต่างๆ อีกหากไม่จำเป็นจริงๆ นั่นยิ่งทำให้วิกฤติของค้าปลีกแดนมะกันนั้นทวีคูณขึ้นไปอีก โดยมีข้อมูลว่า 24% ของรายได้ Amazon ฝั่งค้าปลีกในอเมริกาเหนือนั้นมาจากลูกค้าที่พยายามซื้อสินค้าครั้งแรกถึง 24% จากราว 7 แสนล้านบาท
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ค้าปลีกแดนมะกันจะต้องพัฒนาระบบบริหารคลังสินค้าให้ได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น RFID เพื่อตรวจสอบสินค้าอยู่ตลอดเวลา และปิดช่องว่างของคำว่า “หมดสต๊อก” ให้ได้มากที่สุด แต่การจะทำอย่างนั้นได้ การตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน และทำบ่อยๆ คือเรื่องที่ต้องทำให้ได้
สรุป
เชื่อว่าในอนาคตเหตุการณ์นี้ต้องเกิดขึ้นในประเทศไทยแน่ๆ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคก็หันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทาง Online กันมากกว่าเดิม และคงเคยพบเจอปัญหาของไม่มีในห้างสรรพสินค้ากันมาบ้าง ดังนั้นการลงทุนเรื่องระบบคลังสินค้า และบริหารประสบการณ์ลูกค้าให้ได้ดีกว่าเดิมในเรื่องการหาซื้อสินค้าก็คงจำเป็นมากในยุคนี้
อ้างอิง // Quartz
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา