แม้ว่ายอดขาย Ducati จะตกลงบ้าง แต่ผู้บริหารบอกว่าเป็นเรื่องปกติของสินค้าพรีเมี่ยมแบบเฉพาะกลุ่ม (Premium Niche) และปีนี้ก็มีสัญญาณที่เป็นบวก Ducati เลยส่ง SuperSport รุ่น 2017 มาสู่ตลาด โดยยังเน้นหนักที่ความสปอร์ต แต่ก็ต้องสะดวกในการใช้งานทุกวันด้วยเช่นกัน
วางตัวเป็น Premium Niche ยอดขึ้นลง เป็นปกติ เข้าใจได้
ถ้าใครที่ตามข่าวในแวดวง Ducati จะเห็นว่ายอดขายในช่วงนี้ไม่สดใสสักเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ Ducati หวั่นใจสักเท่าไหร่ ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือ ดูคาติไทยแลนด์ บอกว่า “สินค้าในกลุ่ม Premium Niche จะมีวงจรขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้อยู่แล้ว ในอดีตก็เป็นแบบนี้ ผู้บริหารทั้งไทยและต่างประเทศต่างไม่ได้ตกใจอะไร เพราะคาดการณ์ไว้แล้ว เข้าใจได้ แต่ในปีนี้สัญญาณเป็นบวก วงจรที่บอกก็กำลังจะเข้าสู่ขาขึ้น ทำให้มั่นใจว่าครึ่งปีหลังต่อจากนี้ตลาดจะดี”
ภาพรวมของตลาด Bigbike อยู่ที่ประมาณ 17,000 คันในครึ่งปีแรกของปี 2017 ถือว่าดีขึ้นกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2016 จึงทำให้จนถึงสิ้นปีนี้ทั้งตลาดน่าจะพุ่งไปอยู่ที่ 20,000 คันได้ไม่ยาก
“สำหรับตลาดรถมอเตอร์ไซค์รวมถึง Bigbike มีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ segment ราคาแพง ตอนนี้ได้รับการตอบรับดีขึ้นมากในหลายๆ แบรนด์ ส่วนกลุ่มคนรายได้สูงก็มาสนใจในตลาด Premium Niche กันมากขึ้น” หรือพูดง่ายๆ ว่า Bigbike คันละ 6 – 7 แสนยังขายดีและไปได้ในตลาดอยู่นั่นเอง
สำหรับเรื่องยอดขายของ Ducati เมื่อปีที่แล้วมี Ducati ที่จดทะเบียนในประเทศไทยประมาณ 1,400 คัน แต่ตัวเลขยอดปีนี้ยังไม่มีการเปิดเผยใดๆ
ที่น่าสนใจคือ จะมีการขยายไลน์ผลิตเพิ่มในประเทศไทย คาดว่าจะเสร็จในปีหน้าคือ 2018 จะทำให้จากแต่เดิมที่ผลิตรถได้ปีละประมาณ 20,000 คัน ก็จะผลิตได้มากขึ้น (แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีการระบุรายละเอียดของเงินลงทุน-แม้ว่าจะมีการลงทุนไปแล้ว นอกจากนั้นยอดผลิตที่จะเพิ่มมากขึ้นก็ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ เช่นกัน)
Ducati SuperSport รุ่น 2017 : แม้จะเป็นสปอร์ต แต่เน้นให้ใช้งานได้ทุกวัน
ถือเป็นสโลแกนของรอบนี้เลยก็ว่าได้นั่นคือ “Everyday Extraordinary” โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 937 ซีซี 113 แรงม้า และบอกด้วยว่าเบาะของรุ่นนี้จะทำให้นั่งได้สบายและผ่อนคลายกว่ารถสปอร์ตทั่วๆ ไป ทำให้ตอนขับขี่ไม่ต้องก้มหลังมากนัก แถมยังเป็นรถสปอร์ตคันแรกที่มีชิลด์หน้าที่สามารถปรับระดับขึ้น-ลงได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกวันนั่นเอง
ส่วนราคาของรุ่นนี้ แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ
- Ducati SuperSport รุ่นปี 2017 ราคาอยู่ที่ 559,000 บาท
- ส่วน SuperSport S สีแดง ราคา 699,000 บาท และ SuperSport S สีขาว ราคา 709,000 บาท
สรุป
การคงความเป็นรถสปอร์ตยังเป็นหัวใจของ Ducati มาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ ในแง่ของตลาดที่เล่นแบบ Premium Niche ก็คือการคงเอกลักษณ์และความแข็งแกร่งของแบรนด์ ยอดขายที่ตกลงไปก็นับเป็นวงจรปกติของธุรกิจชนิดนี้ เพราะเอาเข้าจริง ยอดขายของ Ducati ของตลาดรวมทั้งหมดก็ไม่เกิน 5% อยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือการดึงฐานลูกค้าเก่าให้เหนียวแน่น และสบโอกาสก็ค่อยขยายฐานตามสภาพเศรษฐกิจ
ส่วนเรื่องกลยุทธ์การขายจะให้เน้นออนไลน์มากขึ้นก็ไม่น่าจะเป็นคำตอบ เพราะโมเดลธุรกิจ Bigbike และยิ่งเป็น Premium Niche การได้ทดลองขับขี่ก่อนถือเป็นประสบการณ์ชั้นยอดของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ในปีนี้เราก็เห็นการขยายศูนย์บริการของ Ducati ที่มีอยู่แล้วกว่า 13 สาขาทั่วประเทศ เพิ่มเป็น 15 สาขา คือเพิ่มที่ลพบุรี และพิษณุโลก ส่วนที่เชียงใหม่ และภูเก็ตที่มีอยู่แล้ว ก็จะขยายให้ใหญ่ขึ้นไปอีกเพื่อรองรับลูกค้า
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา