ตลาด Bigbike เป็นหนึ่งในตลาดที่ร้อนแรง แบรนด์อย่าง Ducati ต้องเจอกับคู่แข่งหน้าใหม่ๆ ตลอดเวลา กลยุทธ์ของ Ducati คืออะไรในสมรภูมินี้
- Brand Inside ชวน ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ผู้บริหาร Ducati ประเทศไทย มาพูดคุยเพื่อหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน
ภาพรวมธุรกิจ Bigbike และไฮไลท์ของ Ducati ครึ่งปีหลัง
“สินค้าในกลุ่ม Premium Niche จะมีวงจรขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้อยู่แล้ว” คือคำพูดของ ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือ ดูคาติไทยแลนด์ พร้อมทั้งเล่าให้ฟังด้วยว่าภาพรวมธุรกิจของ Ducati ไทยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไม่เติบโตแบบหวือหวา
ในตลาด Bigbike ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 500cc ต้องยอมรับว่าค่ายญี่ปุ่นยังเป็นเจ้าตลาด แต่สำหรับ Bigbike ขนาด 500cc ขึ้นไป Ducati ยังถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผู้บริโภคยังเหนียวแน่นอยู่
- ภาพรวมของทั้งปี 2017 Ducati ยังคงทำยอดได้ราว 20,000 คัน ในด้านยอดขายถือว่าดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้า
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Ducati รุ่นที่แสดงออกถึงแบรนด์ได้อย่างชัดเจนยังคงเป็นรุ่นที่ขายดีอยู่ แม้ว่าตลาดในภาพรวมจะเติบโตช้าก็ตาม “ต้องบอกว่า Ducati รุ่นราคาตั้งแต่ 6 แสนขึ้นไปยังเติบโตช้า แต่ถ้าไปดูรุ่นราคาตั้งแต่ 8 แสนบาทขึ้นไป เรียกได้ว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะในเรทราคานั้นเป็นรุ่นที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์เรื่องความสปอร์ตของ Ducati ที่ชัดเจน”
ในวันที่ตลาดแข่งขันสูง Ducati ยิ่งต้องเป็นตัวเองมากขึ้น
ด้วยความที่ Ducati เข้าใจถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นฐานของตัวเอง ในครึ่งปีหลังการทำตลาดของ Ducati จึงเล่นใหญ่กว่าเดิมในตลาดที่ตัวเองชำนาญอยู่แล้ว นั่นก็คือ Ducati พร้อมส่ง Bigbike ที่สปอร์ตมากขึ้น และรุ่นที่เลือกมาเล่นในครึ่งปีหลังนี้คือ V4 เรียกได้ว่าในวันที่ตลาดแข่งขันสูง Ducati ยิ่งต้องเป็นตัวเองมากขึ้น
- ความโดดเด่นของ Ducati V4 คือการตอกย้ำความเป็นแบรนด์ Ducati ทั้งความสปอร์ตจากรถแข่ง พร้อมกับเครื่อง 4 สูบ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และมีระบบเซ็นเซอร์จัดเต็ม ส่วนราคาก็เฉียด 1 ล้านบาทไทย!
“เรียกได้ว่าการส่ง V4 ของเราเป็นความเสี่ยงที่เราเลือกจะลงเล่น เพราะนี่คือ DNA ของเรา” ม.ล. ณัฐสิทธิ์ กล่าว
จากข้อมูลเปิดเผยว่า ในงาน Motor Expo 2018 ที่ผ่านมา มียอดจอง Ducati V4 ไปมากกว่า 200 คันแล้ว โดยในครึ่งปีหลัง 2018 Ducati ประเทศไทย แอบเปรยไว้ว่า จะส่งออกมาสู่ตลาดอีกอย่างน้อย 1-2 รุ่น ขอให้จับตาดูให้ดี
นอกจากนั้น อีกหนึ่งไฮไลท์ในช่วงปลายปีคืองาน MotoGP ที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนตุลาคม ณ สนามช้างอินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ด้านของ Ducati ก็จัดพื้นที่เฉพาะสำหรับแฟนๆ Ducati ไว้ให้ชมและเชียร์การแข่งขันอย่างจุใจ อย่างไรก็ตาม งาน MotoGP ในครั้งนี้คาดว่าน่าจะเป็นปีที่มีผู้ชมเข้ามาชมมากที่สุดในโลก
กลยุทธ์ทางการตลาดของ Ducati
นอกจากตัวสินค้าที่ Ducati ประเทศไทยพร้อมส่งลงมาเล่นในตลาดด้วยการจัดเต็มแล้ว ในด้านกลยุทธ์การตลาด กรรมการผู้จัดการ Ducati ประเทศไทย บอกว่า “เราเน้นการสร้างประสบการณ์ ประสบการณ์ในที่นี้คือทุกอย่าง ไม่ใช่จะเป็นสาขาของเรา เมื่อลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อ เราจะขายประสบการณ์แวดล้อม ด้วยเสียงเพลง ด้วยบรรยากาศ ด้วยกลิ่น เราคิดถึงขนาดนั้น เพราะอยากให้ลูกค้าได้ประสบการณ์จาก Ducati ที่แท้จริง”
“ด้วยความที่เราเป็นแบรนด์ Ducati ถ้าเราทำโฆษณา มันไม่น่าดึงดูด เราต้องทำให้ลูกค้าซื้อด้วยอารมณ์และความหลงใหลในแบรนด์จริงๆ มันก็เหมือนกับลัมโบร์กินี แค่วางไว้เฉยๆ คนก็วิ่งเข้ามาซื้อ เพราะฉะนั้นประสบการณ์จาก Touching Point เป็นสิ่งสำคัญที่ Ducati ให้ความสำคัญ อย่างเรื่องเพลง เราร่วมมือกับ Spotify โดยใช้ AI มาวิเคราะห์เลยว่า ลูกค้าต้องฟังแนวไหนถึงจะครื้นเครง ฟังเพลงพร้อมกับกลิ่นแบบไหนในร้านแล้วจะเหมือนอยู่ในทุ่งคัสทานีที่อิตาลี”
ส่วนกลยุทธ์การตลาดที่ใช้กับลูกค้าของ Ducati ที่มีสินค้าแล้วคือการจัดทริป “เราจัดทริปตลอด ในปีนี้เรามีโปรแกรมไปที่อิตาลี เราจะพาขับไปในเส้นทางตำนานของดูคาติ คือขับในเส้นทางหุบเขา ผ่านหลายเมืองในอิตาลีรวม 4 วันเต็มๆ พร้อมทั้งพาไปดูสนามแข่งที่จัดขึ้นปีละครั้งอีกด้วย”
สรุป
Ducati ยังคงความเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว และเมื่ออยู่ในกลุ่มสินค้าที่มีความเป็น Premium Niche จึงทำให้ Ducati ต้องดึงฐานลูกค้าที่มีอยู่ให้เหนียวแน่น ด้วยการสร้างกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้ากลุ่ม Loyalty ประทับใจอยู่เสมอ
ส่วนในด้านของสินค้า Ducati ก็เปิดเผยอย่างชัดเจนแล้วว่า ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น สินค้าของ Ducati จึงยิ่งต้องรักษาความเป็นตัวตน อย่างรุ่น V4 ที่ส่งมาลงเล่นในตลาด ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่สะท้อน DNA ของแบรนด์ Ducati ออกมาได้อย่างชัดเจนที่สุด
พูดง่ายๆ ก็คือกลยุทธ์ของ Ducati ในสมรภูมินี้ คือการไม่วิ่งตามตลาด แต่ Ducati ทำแบรนด์ให้น่าสนใจอยู่เสมอ และถึงที่สุดแล้ว ตลาดหรือผู้บริโภคเองต่างหาก ที่ต้องวิ่งเข้าหา Ducati เพราะจุดยืนและตัวตนของแบรนด์ยังคงชัดเจน
[แถม] ทุกวันนี้ Ducati ผลิตได้ในไทยแล้ว มาตรฐานเสียงสูงกว่ายุโรปด้วย
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ บอกว่า เมื่อก่อนไทยไม่ได้เป็นฐานที่ผลิตรถของ Ducati รุ่นใหญ่ๆ ต้องนำเข้า “แต่ในปัจจุบัน supply chain ในไทยครบหมดแล้ว ตั้งแต่ล้อ เบรก ครบทุกหมวด ส่วนถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นไทย คำตอบก็คือแรงงานในมีความเชี่ยวชาญในการประกอบ และมีคุณภาพดีกว่าในที่อื่นๆ”
Ducati ประเทศไทยให้ข้อมูลว่า การผลิตในไทยมีมาตรฐานสูงกว่ายุโรปในบางเรื่อง เช่น มาตรฐานเสียง เป็นต้น ส่วนการผลิตในเฟส 2 หลังจากนี้จะรองรับอยู่ที่ 20,000 คันต่อปี แต่ทั้งนี้ รุ่น limited บางรุ่นยังคงผลิตที่อิตาลีเท่านั้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา