ดูไบ กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของบรรดาเซเลบ อินฟลูเอนเซอร์ และบุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ หลบหนีจากสถานการณ์ล็อคดาวน์ เข้ามาใช้ชีวิตแบบหรูหรา ท่ามกลางการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด
หนึ่งในปัญหาที่สร้างความเบื่อหน่ายให้กับคนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรโควิด-19 ในปัจจุบัน คือความเบื่อในสถานการณ์การล็อคดาวน์ ไม่สามารถเดินทางได้อย่างอิสระ หลายๆ คนใช้ชีวิตแค่ที่บ้าน ทำงานวนลูปไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตามชีวิตของบรรดาคนดัง เซเลบ หรืออินฟลูเอนเซอร์ทั่วโลก ดูเหมือนว่าจะมีทางเลือกมากกว่าคนอื่นๆ ทั่วไป เพราะในขณะนี้ “ดูไบ” สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในการพักผ่อน และใช้ชีวิตแบบหรูหราได้อย่างเต็มที่ เป็นการหลบหนีจากสถานการณ์ล็อคดาวน์ในประเทศของตัวเอง
ในช่วงที่มีการล็อคดาวน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก คอนเทนต์ตาม Social Network ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว และพักผ่อนมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น
Kaz Crossley เซเลบที่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ Reality ที่มีชื่อว่า Love Island กำลังใช้ชีวิตอยู่ในดูไบ โดยคอนเทนต์ใน Instagram ของเธอมียอดไลก์ 50,000-60,000 ครั้ง ในช่วงที่อยู่ในดูไบ เปรียบเทียบกับในช่วงเวลาปกติ ที่คอนเทนต์ของเธอจะได้ไลก์น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
ผู้เข้าแข่งขันรายการ Love Island อีกคนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Mae Hague ก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการทำคอนเทนต์ท่องเที่ยวในสถานการณ์ที่มีโรคระบาดเช่นเดียวกัน โดยคลิปวิดีโอบนช่องของเธอมีความหลากหลาย ทั้งการแต่งหน้า ทำ Vlog และการเลือกเสื้อผ้า แต่คอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเธอกลับเป็นคอนเทนต์การท่องเที่ยวที่ Ibiza ประเทศสเปน ที่มียอดการรับชมกว่า 1.9 ล้านครั้ง และการท่องเที่ยวที่ดูไบ มียอดการรับชม 1.2 ล้านครั้ง
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คอนเทนต์ของบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ และเซเลบ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้รับความนิยมในช่วงที่เกิดสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ เป็นเพราะคนทั่วไปรู้สึกเกิดความต้องการที่จะหลบหลีกจากสถานการณ์โรคระบาด และการล็อคดาวน์ ด้วยการดูคลิปวิดีโอของคนที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน เหมือนที่เคยทำได้ในอดีต
อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ชมมหาศาล ไม่ได้หมายความว่าทุกๆ คนจะชอบคอนเทนต์แนวนี้เสมอไป เพราะความจริงแล้วยังมีคนอีกมากที่เข้ามาชมคลิปวิดีโอท่องเที่ยวในยุคโควิด-19 ด้วยความเกลียดชัง และตั้งคำถามว่าในสถานการณ์แบบนี้พวกคนดังยังท่องเที่ยวได้อีกหรือ
ใช้ชีวิตหรูหรา งานหลักของอินฟลูเอนเซอร์เต็มเวลา
ความจริงแล้วการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในดูไบ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะความจริงแล้วการที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา และสะดวกสบายในดูไบ เป็นเหมือนการสร้างภาพลักษณ์ “ทันสมัย” ให้กับดูไบ และเป็นงานอย่างหนึ่งของอินฟลูเอนเซอร์ตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนหนึ่งเราจะเห็นภาพลักษณ์ทันสมัยของดูไบ จากการช็อปปิ้ง ซื้อของแบรนด์เนมราคาแพงได้โดยไม่ต้องเสียภาษีเหมือนประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด หลายประเทศทั่วโลกต้องล็อคดาวน์เพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อ แต่ที่ดูไบ สถานการณ์กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ร้านอาหาร โรงแรม และชายหาด ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดอินฟลูเอนเซอร์ หรือคนที่ต้องการใช้ชีวิตแบบผ่อนคลายให้เข้ามาใช้ชีวิตในดูไบ
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าดูไบจะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เลยเสียทีเดียว เพราะในขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในดูไบ เริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่ขณะเดียวกัน ดูไบก็เริ่มกลายเป็นสวรรค์ของคนรวยที่ต้องการจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนคนอื่นๆ ขอแค่มีเงินก็สามารถเดินทางเข้ามาฉีดวัคซีนที่ดูไบได้เลย โดยไม่ต้องรอคิวตามการจัดสรรของประเทศตัวเอง
ค่าใช้จ่ายของการเดินทางเข้ามาฉีดวัคซีนที่ดูไบ อยู่ที่ 40,000 ยูโร หรือประมาณ 1.45 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าวัคซีนโควิด-19 ตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสบินมาที่ดูไบ และค่าที่พักในอพาร์ทเม้นท์สุดหรูระหว่างรอฉีดวัคซีนโดสแรก และโดสที่สอง
เดินทางเข้าออกดูไบ เริ่มไม่ง่ายอีกต่อไป
แม้การใช้ชีวิตหรูหราของอินฟลูเอนเซอร์จะได้รับความนิยม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอินฟลูเอนเซอร์ทั้งหลายจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในดูไบ เข้าๆ ออกๆ กลับประเทศของตัวเองได้อย่างอิสระ เพราะด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายประเทศก็เริ่มแบนการเดินทางกลับจากดูไบแล้ว ทำให้มีอินฟลูเอนเซอร์จำนวนมากติดอยู่ในดูไบ
เดนมาร์กเป็นประเทศที่เริ่มแบนการเดินทางเข้าออกไปยังดูไบ หลังจากที่พบเชื้อโควิด-19 กลายพันธ์จากทวีปแอฟริกาจากคนที่เดินทางกลับมาจากดูไบ ทำให้คนที่ต้องการเดินทางกลับจากดูไบเข้ามาในเดนมาร์ก ต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางไม่สามารถบินตรงเข้าประเทศได้ รวมถึงต้องมีการตรวจโควิด-19 เพื่อยืนยันความปลอดภัยเสียก่อน
ที่มา – Newstatesman, Mirror, Vice
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา