สัญญาทางธุรกิจและความร่วมมือระหว่าง dtac และ บมจ.ทีโอที หรือ TOT ในการใช้คลื่นความถี่ 2300MHz บนแบนด์วิธขนาด 60MHz ภายใต้แบรนด์ dtac-T เพื่อให้บริการสื่อสารความเร็วสูงมิติใหม่ของประเทศ 4G LTE-TDD
dtac-T ลงทุนขยายบริการ 37 จังหวัดในปีแรก
ลาร์ส นอร์ลิ่ง CEO ของ dtac บอกว่า ได้เตรียมงบลงทุนกว่า 15,000 – 18,000 ล้านบาท สำหรับขยายสถานีฐานและเสาสัญญาณ ประมาณ 25,000 สถานีฐาน โดยมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการไม่ต่ำกว่า 37 จังหวัดในปีนี้ เน้นพื้นที่ที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตหนาแน่น และต้องการความเร็วสูง
การให้บริการครั้งนี้ dtac จะให้ค่าตอบแทนกับ TOT จำนวน 4,510 ล้านบาทต่อปี ถึงปี 2568
TDD เทคโนโลยีที่เหนือกว่า เพื่อก้าวสู่ 5G
เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยี TDD หรือ Time Division Duplex เพื่อจัดการแบนด์วิธสำหรับการอัพลิงค์และดาวน์ลิงค์บนแบนด์วิธเดียวได้พร้อมกัน และอยู่บนคลื่นขนาด 60MHz ที่ใหญ่ที่สุดในไทยเวลานี้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เหมือนเทคโนโลยีเดิม แบ่งถนนเป็นขาไป-ขากลับเท่ากันและแยกกันชัดเจน แต่เทคโนโลยีใหม่ สามารถปรับถนนขาไป-ขากลับ ได้ตามการใช้งาน
ดังนั้น ประเทศไทยที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงฝั่งดาวน์ลิงค์มากกว่า จะทำให้อินเทอร์เน็ตเร็วขึ้น รองรับการใช้งานได้มากขึ้น เมื่อรวมทั้ง TDD และ Massive MIMO มาเพิ่มการรับส่งสัญญาณในแต่ละเสาสัญญาณ จะทำให้ก้าวสู่ 5G-Ready
ลาร์ส บอกว่า สมาร์ทโฟนจำนวนมากกว่า 70% ที่รองรับ 4G สามารถใช้งานคลื่นความถี่ 2300MHz ได้ และยังส่งผลให้ผู้ใช้คลื่นความถี่ 2100MHz เดิม ใช้งานได้ดีขึ้นด้วย เพราะมีการแบ่งไปใช้ 2300MHz มากขึ้น สรุปคือ ผู้ใช้งาน dtac ทุกคนจะมีประสบการณ์ที่ดีขึ้น
ลาร์ส บอกว่า ผู้ใช้บริการ dtac สามาารถใช้งานคลื่น 2300MHz ผ่านสมาร์ทโฟนได้เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่คุณภาพบริการดีขึ้น โดยจากนี้จะเริ่มทดลองสัญญาณในพื้นที่ชั้นในของ กทม. แต่จะมี การเปิดตัวเชิงพาณิชย์อีกครั้ง
สรุป
dtac หวังจะใช้คลื่นความถี่ 2300MHz มาแก้ปัญหาเรื่องคลื่นความถี่ โดยเฉพาะจากสัญญาสัมปทานที่กำลังจะหมดลง ขณะที่ผู้ใช้งาน dtac จะได้ประโยชน์จากการใช้งานดาต้า หรือ อินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น รองรับจำนวนผู้ใช้ได้มากขึ้น เพราะคลื่นความถี่ 2300MHz มีแบนด์วิธหรือขนาดคลื่นใหญ่ที่สุดในเวลานี้ คือ 60MHz
ส่วนการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ dtac ก็ให้ความสนใจ แต่จะเข้าร่วมการประมูลหรือไม่ ยังต้องศึกษารายละเอียด
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา