ผู้ใช้ iPhone รุ่นใหม่หลายคนน่าจะรอคอยการใช้ eSIM ซึ่งจะทำให้ iPhone สามารถใช้งานซิมโทรศัพท์มือถือได้พร้อมกัน 2 เลขหมาย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.61 ที่ iPhone XS, XS Max และ XR เริ่มขายในประเทศไทย dtac ก็ให้บริการ eSIM โดยทดลองใน 5 สาขาเขตกรุงเทพ คือ ศูนย์บริการดีแทค เซ็นทรัล เวิลด์, ศูนย์บริการดีแทค จามจุรีสแควร์, ศูนย์บริการดีแทค เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, ศูนย์บริการดีแทค สยามพารากอน และ ศูนย์บริการดีแทค เซ็นทรัล ลาดพร้าว
หลังจากผ่านไป 7 วัน ยืนยันแล้วว่า ให้บริการได้ไม่ติดขัด มีเสียงตอบรับจากผู้ใช้ในเชิงบวก จนวันนี้ ขยายการให้บริการ eSIM ที่ศูนย์บริการครบทั้ง 52 สาขาทั่วประเทศ
พีระพล ฉัตรอนันทเวช หัวหน้าสายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ กลุ่มการตลาด ของดีแทค บอกว่า eSIM ย่อมาจาก Embedded SIM หรือ ซิมที่ติดตั้งมาในอุปกรณ์นั้นๆ ซึ่งกรณีนี้คือ iPhone โดย eSIM สามารถใส่ข้อมูลเลขหมายได้สูงสุด 6 เลขหมาย ซึ่ง Apple ได้นำ eSIM มาใช้ครั้งแรกใน Apple Watch 3 จนครั้งนี้มาอยู่ใน iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นล่าสุด
เท่ากับว่า ผู้ใช้ iPhone รุ่นใหม่จะมีซิมแบบเดิม 1 เลขหมาย และ eSIM ได้อีก 6 เลขหมาย (แต่เปิดใช้ได้ทีละ 1 เลขหมาย)
เปิด 3 แนวคิด Customer Centric, Simple และ Teamwork
เป้าหมายของ dtac คือ การสร้าง Journey ของลูกค้าให้ดีที่สุด บริการต้องได้มาตรฐานไม่แตกต่างจากเดิม ด้วย 3 แนวคิดสำคัญ คือ Customer Centric, Simple และ Teamwork
ส่วนของ Customer Centric คือ มีลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ ตั้งแต่เดินมาที่ศูนย์บริการ เพราะเป็นการเปิดใช้ซิมใหม่ ต้องมีการแสดงตนตามกฎหมายของ กสทช. การลงทะเบียน การสแกนด้วย QR Code และเปิดใช้งาน eSIM ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ประเด็นต่อมาคือ Simple นั่นคือเรียบง่าย ระบบต้องทำงานอย่างดี พนักงานดีแทคต้องทำงานง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ผู้ใช้ต้องได้รับบริการไม่ต่างจากเดิม โดยสามารถให้พนักงานดำเนินการให้ หรือจะดำเนินการเองภายใต้คำแนะนำของพนักงานก็ได้ ผลที่ได้รับคือ
สุดท้ายคือ Teamwork จากการทดลองให้บริการ 7 วันแรกในศูนย์บริการทั้ง 5 แห่งลูกค้าเกือบ 100% ได้รับความประทับใจจากการให้บริการที่ลื่นไหลและไม่สะดุด โดยการให้บริการทดลองยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ลูกค้าบอกต่อๆ กันจนมีจำนวนผู้ใช้บริการไม่น้อย แต่ดีแทคสามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี
eSIM ดีอย่างไร
ความพิเศษของ eSIM คือ บันทึกได้สูงสุด 6 เลขหมาย โดยไม่ต้องเป็นค่ายเดียวกันก็ได้ แปลว่า จะมีเลขหมายของ AIS, Truemove และ dtac ใน iPhone เครื่องเดียวก็สามารถทำได้ แต่เปิดใช้งานได้ทีละเลขหมาย ช่วยอำนวยความสะดวก เช่น เบอร์แบบ Inter ใช้งานต่างประเทศ, เบอร์ส่วนตัว หรือ เบอร์ทำงาน ใส่ไว้ในเครื่องเดียวได้ ไม่ต้องพกซิมการ์ด
ในต่างประเทศ สามารถ Activate เองได้โดยการสแกน QR Code แต่สำหรับประเทศไทยต้องไปแสดงตนที่ศูนย์บริการก่อน
ส่วนผู้ให้บริการ ถ้า eSIM เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ต่อไปผู้ใช้บริการอยากเปิดเลขหมายใหม่ เปิดบริการใหม่ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องจำนวนวซิมหรือเลขหมายอีกต่อไป เพราะ eSIM ดำเนินการผ่านระบบได้ทันที ไม่ต้องรอผลิตซิมการ์ด ไม่ต้องสต็อกหรือกระจายสินค้า เพียงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สแกน QR Code เท่านี้ก็เปิดใช้งานได้ทันที
สรุป
eSIM ในต่างประเทศออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถลงทะเบียนและเปิดเบอร์ด้วยตัวเองได้ แต่ในไทยเชื่อว่าผู้ใช้จำนวนไม่น้อยยังต้องการให้พนักงานช่วยจัดการให้ ซึ่งดีแทคมองเห็นความสำคัญในจุดนี้และวางแผนเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรกจึงสามารถให้บริการได้ดี และขยายบริการทั่วประเทศแล้ว ใครใช้ iPhone รุ่นใหม่อยากลอง eSIM ไปที่ศูนย์บริการดีแทคได้ ไม่ต้องเป็นลูกค้ามาก่อนก็ได้ ขอแค่เปิด eSIM เป็น dtac เท่านั้น ได้ทั้งเติมเงินและรายเดือน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา