จากเฉพาะกลุ่ม สู่ Mainstream กับ Dr. Martens แบรนด์รองเท้าบู๊ท ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

แม้ความ Minimal และเทรนด์การออกกำลังกาย ทำให้รองเท้า Sneaker เติบโตก้าวกระโดด แต่จริงๆ แล้วแบรนด์อย่าง Dr. Martens ที่ทำรองเท้าบู๊ท ที่ทั้งหนัก และใส่ทีก็แสนจะลำบาก กลับมียอดขายทั่วโลกเติบโตถึง 25%

ภาพจาก Facebook ของ Dr. Martens

6 แสนคู่ที่ไม่ได้มาง่ายๆ หากไม่ปรับตัว

กว่า Dr. Martens จะมาเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในวงกว้างได้ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะตั้งแต่เริ่มสร้างแบรนด์เมื่อปี 1901 โดยครอบครัว Griggs ใน Wallanston, Northamtomshire ที่อังกฤษ ผ่านการขอสิทธิ์ในการผลิตรองเท้าบู๊ทภายใต้แนวคิดของ Dr. Klaus Maertens จาก Munich ที่มีจุดเด่นเรื่องพื้นรองเท้า

ซึ่งกว่าจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นก็ต้องรอถึงปี 1960 เพราะตอนนั้นทางแบรนด์ได้ออกรุ่น Airwair รองเท้าบู๊ท 8 รูร้อยเชือก ที่ตอนนั้นนิยมในกลุ่ม Skinhead, Punk และ Goth เป็นอย่างมาก รวมถึงมือกีต้าร์ของวง The Who อย่าง Pete Townshend ก็สวมใส่รองเท้าคู่นี้ด้วย แต่ความนิยมนั้นก็ยังคงเป็นกลุ่มเล็กๆ อยู่

ภาพโดย Elite S Moramels (Own work) [CC BY-SA 3.0 (https://creativecommons.org/licenses/by-sa/3.0)], via Wikimedia Commons
จนกระทั่งปี 2556 กลุ่ม Permira เข้ามาซื้อกิจการ Dr. Martens และเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจจากครอบครัว เป็นการบริหารแบบองค์กรมากขึ้น ซึ่งจุดนี้เองทำให้แบรนด์รองเท้าบู๊ทนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดมาเรื่อยๆ และมาพีคเอาในปีปฏิทินนี้ (สิ้นสุด 31 มี.ค. 2560) ที่ขายได้กว่า 6 ล้านคู่ และมีรายได้เติบโต 25% แตะ 291 ล้านปอนด์

เอเชียกลายเป็นตลาดหลักของสินค้า

ขณะเดียวกันการทำตลาดในเอเชียนั้นก็ค่อนข้างไปได้ดี โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่คลั่งไคล้รองเท้าบู๊ทแบรนด์นี้เป็นอย่างมาก ทำให้ทางแบรนด์เตรียมเปิด Flagship Store เพิ่มอีก 20-25 แห่งทั่วโลกในปีหน้า ซึ่งในนั้นมีญี่ปุ่นอยู่ด้วย หลังจากปีก่อนเปิดไป 18 แห่ง และเป็น 2 แห่งที่อยู่ในญี่ปุ่น

ภาพ pixabay.com

Jon Mortimore ประธานเจ้าหน้าที่การเงินของ Dr. Martens เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ Permira จะเข้ามาซื้อกิจการ บริษัทก็ทำธุรกิจแบบครอบครัว คือขายส่งไปตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ แต่พอเปลี่ยนเจ้าของ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เริ่มมีการเปิดร้านมากขึ้น พร้อมทำตลาดออนไลน์ จนแบรนด์กลายเป็นที่นิยมในวงกว้าง

นวัตกรรมอีกปัจจัยในการขับเคลื่อน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นด้วยความใหญ่ และหนักของตัวบู๊ท ทำให้การจะไปเจาะคนที่ชอบรองเท้าเบาๆ ในยุคนี้ก็คงยาก ทำให้ทางแบรนด์ส่งรุ่น DM’s Lite ออกมา โดยทำให้ตัวพื้นรองเท้านั้นเบามากขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้เช่นเดิม และสามารถขายไปได้กว่า 2 แสนคู่ทั่วโลก

สรุป

ตอนนี้ Dr. Martens กลายเป็นแบรนด์ที่ผู้นำแฟชั่นหลายๆ คนนำไปสวมใส่ เช่น Miley Cyrus และ Pharrell Williams ซึ่งหลังจากนี้ก็น่าจะเพิ่มขึนอีก และเมื่อมาก การผลิตในประเทศก็คงไม่พอ โดยยอดขาย 6 ล้านคู่นั้นมีเพียง 60,000 คู่ที่ผลิตในประเทศต้นกำเนิด ส่วนในไทยนั้นก็เห็นการขยับตัวของแบรนด์นี้ชัดเจน ทั้งการขยับราคาให้เข้าถึงได้ รวมถึงการจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อขยายฐานผู้สวมใส่เช่นกัน

อ้างอิง // The Guardian

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา