ตอนนี้กลุ่มลูกค้าที่หลายธุรกิจสนใจคงไม่พ้น Millennial หรือผู้เกิดปี 2520-2540 ไม่เว้นแบรนด์สินค้า Luxury ที่เริ่มทำตลาดกับกลุ่มนี้มากขึ้น แล้ว DKSH ที่นำเข้าสินค้ากลุ่มนี้มาจำหน่ายเหมือนกันมองเรื่องนี้อย่างไรบ้างล่ะ?
Montblanc กับการทำตลาดที่กว้างกว่าเดิม
ปัจจุบัน DKSH นั้นทำตลาดสินค้ากลุ่ม Luxury หรือแบรนด์หรูอยู่ทั้งหมด 3 แบรนด์ด้วยกันคือ Montblanc, Maurice Lacroix และ Aigner โดยตัว Mont Blanc นั้นเป็นแบรนด์ที่ช่วยทำตลาดมานานที่สุด หรือกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ยุคที่เน้นจำหน่ายแค่สินค้าปากกา แต่ตอนนี้เริ่มมีสินค้าที่หลากหลายขึ้น
วรรณชื่น ทองเย็น ผู้จัดการอาวุโส แผนกลักชัวรี่ และไลฟ์สไตล์ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า ตลาดแบรนด์ Luxury ในตอนนี้ทุกแบรนด์ต่างมุ่งหน้าผลิตสินค้าเพื่อตอบโจทย์กลุ่ม Millennial เป็นหลัก เพราะพวกเขามีกำลังซื้อสูง และตัดสินใจซื้อสินค้าจากความชอบ รวมถึงเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์
“Montblanc ที่เราช่วยทำตลาดมานานน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะถึงเขาจะวางตัวเองเป็นแบรนด์หรู และขายปากการาคาสูงมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัว ผ่านการมีสินค้าที่หลากหลาย เช่นนาฬิกา และเครื่องหนึ่ง ซึ่งอย่างหลังนั้นมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ประกอบกับราคาก็ไม่ได้สูงจนเกินเอื้อม แถมยังมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน”
Affordable Luxury คือเทรนด์ที่กำลังมา
ขณะเดียวกันจากกระแส Millennial บูม ก็ทำให้แบรนด์หรูต่างๆ เริ่มทำตลาดสินค้ากลุ่ม Affordable Luxury หรือแบรนด์หรูในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป โดยช่วงราคาจะอยู่ประมาณหนึ่งเท่าตัวของเงินเดือนกลุ่ม Millenial ซึ่ง DKSH เองก็นำเข้าสินค้ากลุ่มนี้เข้ามาจำหน่ายในราคา 60,000-100,000 บาท
“เทรนด์ Affordable Luxury กำลังมา เพราะถึง Millennial จะมีกำลังซื้อสูง แต่จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเรานำเข้าสินค้าที่มีราคาที่ไม่ได้สูงจนเกินไปมาทำตลาด ซึ่งแบรนด์ Aigner ก็เป็นอีกตัวอย่าง เพราะเป็นแบรนด์เครื่องหนังราคา 10,000-20,000 บาท โดยเดิมทีเป็นแบรนด์เครื่องหนังสำหรับเพศชาย แต่ปัจจุบันก็ทำสินค้ากับเพศหญิงด้วย”
อย่างไรก็ตามถึงจะเป็น Affordable Luxury แต่หากต้องการทำตลาดให้สำเร็จจำเป็นต้องเป็นสินค้าหรูที่ใช้งานได้ทุกวัน หรือมีความ Functional สูงด้วย เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าในการซื้อสินค้า เช่นสามารถใช้งานเวลาไปทำงาน, หลังเลิกงาน หรือระหว่างออกกำลังกายได้
ปรับสินค้า Lifestyle ให้ดูหรูหรา
ในทางกลับกันด้วย Millennial ต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของตัวเอง ทำให้ผู้ผลิตสินค้าหรูจำเป็นต้องทำตัวให้มีความ Lifestyle เช่นเดียวกัน ซึ่งทิศทางนี้บริษัทสังเกตจากการเพิ่งได้สิทธิ์ในการช่วยทำตลาดให้กับแบรนด์ปากกา LAMY ในประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปี
“จริงๆ LAMY ไม่ได้อยู่ในกลุ่มแบรนด์หรู เพราะ DKSH จัดให้อยู่ในกลุ่มสินค้า Lifestyle แต่ด้วยราคาปากกาด้ามละ 800 บาทขึ้นไปของ LAMY ก็ช่วยให้เราเห็นว่า นอกจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์ การดีไซน์ และการสะท้อนตัวตนของผู้ใช้ก็เป็นอีกเหตุผลที่ Millennial ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อปากกาเพียงหนึ่งด้าม”
สำหรับสินค้ากลุ่ม Lifestyle ของ DKSH นั้นนอกจาก LAMY จะมีแบรนด์เครื่องหนัง BALLY กับ Bellroy ซึ่งเมื่อรวมแบรนด์สินค้าที่อยู่ในกลุ่มลักชัวรี่ และไลฟ์สไตล์จะมีทั้งหมด 6 แบรนด์ และมีสัญญาณการเติบโตของยอดขายที่ชัดเจน ประกอบกับในปี 2562 ทางบริษัทจะนำเข้าแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 1 รายเข้ามาทำตลาดด้วย
สรุป
ทิศทางของแบรนด์ Luxury หรือแบรนด์สินค้าหรูนั้นมีแนวโน้มเติบโตทั้งในตลาดโลก และประเทศไทย เพราะนอกจากกลุ่มผู้ใหญ่กำลังซื้อสูง ยังมี Millennial มาช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดนี้เติบโต และเชื่อว่าทิศทางนี้น่าจะเดินต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่แล้วสินค้า Luxury จะมีความเป็น Fashion ซึ่งมีการสิ้นสุดของช่วงเวลาเป็นปกติ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา