ถอดรหัสการทำตลาดกับคุณแม่ยุคใหม่ หลังพวกเธอคือผู้คุมค่าใช้จ่ายภายในบ้านเกือบทั้งหมด

แม้แนวโน้มการแต่งงาน และมีบุตรของคนไทยจะน้อยลง แต่การทำตลาดกับกลุ่มคุณแม่ก็ยังสำคัญอยู่ เพราะล่าสุดมีผลวิจัยพบว่าพวกเธอคือผู้คุมค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ดังนั้นถ้าเข้าถึงกลุ่มนี้สำเร็จ โอกาสสร้างรายได้ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

แม่ลูกอ่อน
คุณแม่ // ภาพจาก shutterstock

98% ของการซื้อของเข้าบ้านมาจากคุณภรรยา

ถึงโลกจะหมุนไปจนภรรยาที่เปลี่ยนสถานะเป็นคุณแม่นั้นต้องทำงานไปด้วยเพื่อช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือน แต่ถึงอย่างไรคุณแม่ก็คือคุณแม่เหมือนเดิม เพราะพวกเธอยังเป็นคนดูแลการซื้อของเข้ามาในบ้านเสียส่วนใหญ่ แม้ส่วนหนึ่งจะมีการปรึกษากับสามีเวลาจะซื้อของบางอย่างก็ตาม

ยิ่งอ้างอิงจากผลสำรวจของ Tikkled Media จะพบว่า 98% ของคุณแม่ยุคนี้จะมีตำแหน่ง CHO (Chief Household Officer) ที่ดูแลการซื้อของเข้ามาใช้ภายในบ้านเกือบทั้งหมด โดยมีเพียงบางส่วนที่ปรึกษาสามี ดังนั้นหากจำหน่ายสินค้าที่ใช้ในครัวเรือน ก็มีความจำเป็นที่จะเข้าถึงกลุ่มคุณแม่เหล่านี้ให้ได้

ซื้อของออนไลน์
คุณแม่กับการซื้อของออนไลน์ // ภาพ pexels.com

สำหรับการเข้าถึงคุณแม่ในยุคนี้ก็คงไม่พ้นช่องทางดิจิทัลต่างๆ เพราะพวกเธอใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเป็นคุณแม่ ซึ่ง 26% ของเวลาดังกล่าวก็ใช้ไปกับ Social Media ถึง 26% รองลงมาเป็นการเข้าเว็บไซต์เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก 25% และเข้าแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อซื้อสินค้าออนไลน์อีก 21%

เสื้อผ้า กับสินค้าเกี่ยวกับเด็กเล็ก คือสิ่งที่ซื้อส่วนใหญ่

ส่วนสินค้าที่เหล่าคุณแม่ยุคใหม่ซื้อผ่านออนไลน์ก็คือเสื้อผ้า และสินค้าสำหรับเด็กเล็ก กับเสื้อผ้าสำหรับคุณแม่ โดย 91% ของพวกเธอมีการซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำ และ 61% ซื้อสินค้าออนไลน์อย่างน้อย 2 ครั้ง/เดือน ซึ่งช่องทางหลักที่พวกเธอใช้ซื้อของก็คือ Facebook, Lazada, Shopee และ LINE

การเลี้ยงลูก
คุณแม่กับการเลี้ยงลูก

ในทางกลับกันการจะเข้าถึงพวกเธอได้ดีกว่าเดิมก็คือการไปมีส่วนร่วมในเว็บไซต์เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกทั้งหลาย เพราะคุณแม่ยุคใหม่มักใช้ Search Engine ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก, หลักโภชณาการ และวิธีให้การศึกษาลูกๆ

อินเทอร์เน็ตคือคุณครูคนแรกหลักเป็นคุณแม่

ที่สำคัญ “อินเทอร์เน็ต” ยังเป็นคุณครูคนแรกหลักจากที่ภรรยาเปลี่ยนสถานะเป็นคุณแม่ด้วย โดย 64% ของกลุ่มสำรวจนั้นใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูล ส่วนการปรึกษาเพื่อน กับครอบครัว รวมถึงผู้เชี่ยวชาญนั้นคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 20% เท่านั้น

สรุป

กลุ่มคุณแม่นั้นมีกำลังซื้อมากกว่าผู้หญิงทั่วไปแน่ๆ เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกเข้ามา ดังนั้นหากสินค้ามีคุณภาพจริงๆ แม้ราคาจะสูง แต่คุณแม่ก็ยอมซื้อ และถ้าแบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับเด็กอ่อนยังไม่ทำตลาดออนไลน์แล้วล่ะก็ เท่ากับพวกคุณเสียโอกาสทางการขายไปอย่างแน่นอน

ซื้อของลูกออนไลน์
สรุปการทำตลาดกับคุณแม่ยุคใหม่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา