Sea (ประเทศไทย) กลุ่มบริษัทที่ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วยการีนา (Digital Entertainment) ช้อปปี้ (e-Commerce) และ ซีมันนี่ (Digital Financial Services) โดยมุ่งใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวก ยกระดับคุณภาพชีวิต และเสริมศักยภาพธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างใกล้ชิด และร่วมวางแผนการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ โดยให้ความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมยกระดับการดูแล SMEs และผู้บริโภค เพื่อร่วมบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายอย่างเต็มความสามารถ
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า “กระทรวงดิจิทัลฯ ให้ความสำคัญกับประชาชนและสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในทุกด้านโดยเฉพาะด้านความเป็นอยู่ของประชาชนและธุรกิจ SMEs ในประเทศไทย ที่เป็นกระดูกสันหลังหลักของระบบเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์นี้ จึงเร่งหารือกับภาคเอกชนที่ทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัลและมีเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย เช่น ช้อปปี้ และการีนา ในการจัดแคมเปญเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายสินค้าจากแบบมีหน้าร้านมาเป็นรูปแบบการขายสินค้าออนไลน์เพื่อให้สามารถยังคงรักษายอดการขายสินค้าได้ในระหว่างภาวะอันไม่ปกตินี้ โดยต้องเร่งให้เรียนรู้และเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วที่สุด และสะดวกที่สุด เพราะเชื่อว่าหากธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ผลกระทบต่ออัตราการว่างงาน รวมทั้งด้านอื่นๆจะลดลงตามไปด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว
มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่า “Sea (ประเทศไทย) ไม่นิ่งนอนใจกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเราได้หารือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจและภาครัฐอย่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางใช้ศักยภาพของอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มภายในกลุ่ม Sea (ประเทศไทย) ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว มาเป็นตัวเร่งการฟื้นฟูความสามารถทางธุรกิจของร้านค้ารายย่อย ตลอดจนการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและแบ่งเบาภาระของผู้บริโภคในประเทศ เพื่อให้ทุกๆ ฝ่ายในอีโคซิสเต็มส์ก้าวผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปด้วยกัน”
โดยการเดินหน้าดำเนินงานตามแผนเร่งด่วนของ Sea (ประเทศไทย) เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐที่ผลักดันให้เกิดการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ตลอดจนการเตรียมผู้บริโภคและธุรกิจ SMEs ให้พร้อมใช้งานอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์ม มี 3 ภารกิจหลัก ดังนี้
1.) การส่งเสริมให้ธุรกิจ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่นที่สุด โดยใช้ช่องทางการขายสินค้าออนไลน์
- ขยายผลโปรแกรมการสอนยอดนิยมอย่าง Shopee Bootcamp และ Shopee University สู่รูปแบบ
e-Learning เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2563 เป็นต้นไป เพื่อช่วยให้ผู้ขายรายใหม่ที่ขาดประสบการณ์ทางด้านอีคอมเมิร์ซ ได้ขยายช่องทางการขายเพิ่มจากช่องทางการขายสินค้าหน้าร้าน พร้อมให้ความรู้ และแนะนำทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ให้เริ่มต้นได้อย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งการขายสินค้าออนไลน์เป็นช่องทางที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในสถานการณ์ COVID-19 ครั้งนี้ - โปรแกรม Shopee Bootcamp ที่จัดขึ้นเพื่อขยายผลให้กับตัวแทนจากชุมชนต่างๆ ทั้งมหาวิทยาลัย ศูนย์ผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน ที่อยู่ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สามารถนำข้อมูลการเริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์บนช้อปปี้ รวมทั้งเทคนิคการขายต่างๆ ไปสอนต่อให้คนในท้องที่เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น หรือสามารถประกอบเป็นอาชีพเพื่อเป็นรายได้หลักได้ต่อไปในอนาคต
- ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในการมอบส่วนลดให้แก่ผู้ขายบนช้อปปี้ ตั้งแต่ 10 เมษายน ถึง 10 พฤษภาคม 2563 เพื่อแบ่งเบาภาระค่าขนส่งสินค้าสำหรับรายการสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นสินค้าจำเป็นเพื่อให้ผู้ขายมีความสามารถในการกระจายสินค้าจำเป็นได้มากขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคยังสามารถเข้าถึงสินค้าจำเป็นผ่านช่องทางการซื้อสินค้าบนช้อปปี้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องออกจากบ้าน
- นอกจากนี้ ช้อปปี้ยังจับมือกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการ เช่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจออนไลน์จากธนาคารกสิกรไทย วงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 600,000 บาท
2.) การเตรียมพร้อมให้ผู้บริโภคสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ตลอดจนการแบ่งเบาภาระผู้บริโภค ในช่วง Social Distancing
- ดำเนินการจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นให้อย่างเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่ต้องการอย่างทั่วถึง ในราคาและคุณภาพที่เหมาะสม โดยช้อปปี้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและคู่ค้าต่างๆ เพื่อเน้นย้ำให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีสินค้าอย่างเพียงพอต่อความต้องการ
- ลดภาระด้านค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภค โดยส่งแคมเปญ #ShopeeFromHome Month #อยู่บ้านก็ช้อปปี้ได้ เพื่อเสนอสินค้าจำเป็นครอบคลุมทุกหมวดหมู่ในราคาพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ – 29 เมษายน 2563 โดยผู้ใช้ช้อปปี้จะได้รับโค้ดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำทุกวัน ตลอดทั้งแคมเปญ นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับดีแทค (dtac) เพื่อมอบสิทธิ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีไม่มีจำกัดให้กับลูกค้าเมื่อใช้งานบนแอปพลิเคชั่นช้อปปี้ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน – 31 ธันวาคม 2563
3.) ส่งเสริมให้เยาวชนและคนรุ่นใหม่ รวมทั้งประชาชนทั่วไปในวงกว้าง ได้รับทราบและมีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 และการรับมือ รวมทั้งการดูแลรักษาสุขภาพ และการให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการทำ Social Distancing อย่างถูกต้อง
- ใช้ความเข้มแข็งของการีนาในฐานะศูนย์รวมของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถสื่อสารโดยตรงถึงคนรุ่นใหม่เป็นจำนวนมากด้วยช่องทางที่หลากหลายของการีนา เพื่อสื่อสารถึงแนวทางปฏิบัติตนเองในการรักษาสุขภาพให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานรัฐบาลอื่นๆในการนำข้อมูลที่มีประโยชน์มาเผยแพร่ต่อในรุปแบบที่เข้าใจง่าย
- สนับสนุนการดำเนินงานของ Social Enterprise เช่น สบายดีบอท และ เทใจ ในการสื่อสารกับกลุ่มเยาวชนและคนรุ่นใหม่ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย ผ่านทุกช่องทางการสื่อสาร อาทิ การส่งข้อความในแอปพลิเคชั่นเกม การให้ความรู้ผ่านออนไลน์คอมมูนิตี้ ตลอดจนการรณรงค์ผ่านกลุ่มผู้นำทางความคิด เช่น นักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพและสตรีมเมอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องปลอดภัยในกลุ่มเยาวชนและคนรุ่นใหม่ในวิธีที่เข้าถึงได้ง่าย และส่งเสริมให้เกิดการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของ COVID-19 แบบมีส่วนร่วม นอกจากนี้ ยังรวมพลังเกมเมอร์เพื่อรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่ร่วมทำความดี ผ่านแคมเปญระดมทุนสนับสนุนการทำงานของแพทย์ พยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเน้นย้ำให้เยาวชนอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ลดการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 โดยให้อยู่ที่บ้านและใช้เวลาอย่างเหมาะสม รวมทั้งรักษาสุขภาพที่ดีด้วยการออกกำลังกาย ด้วยการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายตลอดระยะเวลาที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤตินี้
- เชื่อมต่อแอร์เพย์ ซึ่งเป็นอีเพย์เมนต์แอปพลิเคชั่นของซีมันนี่ กับช่องทางการเผยแพร่ข่าวสารของกรมควบคุมโรค เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถติดตามสถานการณ์และรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพื้นที่เสี่ยงได้อย่างใกล้ชิด
จากการให้ความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในครั้งนี้ ประกอบกับความรู้ความเข้าใจและความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซจาก Shopee รวมทั้งฐานผู้ใช้งานจำนวนมากของการีนา จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยและขนาดเล็ก (SMEs) เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตและดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องมากที่สุด และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะสามารถผ่านวิกฤติการณ์นี้ไปได้ด้วยกัน และเมื่อหลังจากเหตุการณ์วิกฤติในครั้งนี้ผ่านพ้นไปทุกคนจะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตและดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมโดยใช้ความสามารถในการปรับตัวต่อสู้อุปสรรคในครั้งนี้ให้เป็นโอกาสที่ดีต่อไปในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา