เศรษฐกิจแย่ ถึงขนาด “เด็กสมบูรณ์” ต้องติดสปีดขยายตลาดต่างประเทศ ขอเป้า 50% ของรายได้

เครื่องปรุงรสคืออีกหนึ่งวัตถุดิบในการทำครัวของทุกบ้าน ดังนั้นคงไม่แปลกที่มูลค่าตลาดนี้จะสูงถึง 5,600 ล้านบาท (ไม่รวมน้ำปลา) ที่ปกติแล้วเติบโตขึ้นทุกปี แต่ปีที่ผ่านมาด้วยปัญหาเศรษฐกิจซบก็ทำให้ตลาดนี้หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

ปัจจัยลบใน – นอก ทำกำลังซื้อหด

สมหวัง ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตซอสปรุงรสตราเด็กสมบูรณ์ เล่าให้ฟังว่า ปี 2559 เป็นปีที่ค่อนข้างเหนื่อยของผู้ทำธุรกิจซอสปรุงรส เพราะเศรษฐกิจทั้งใน และนอกประเทศต่างหดตัวลงอย่างรุนแรง ทำให้การจำหน่ายซอสปรุงรสทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทยที่ปี 2559 มีมูลค่าตลาดกลุ่มเครื่องปรุงรสที่ประกอบด้วย ซีอิ๊วขาว, ซีอิ๊วดำ, ซอสหอยนางรม, ซอสปรุงรส และเต้าเจี้ยว (ไม่รวมน้ำปลา) อยู่ที่ 5,600 ล้านบาท เติบโตลดลงจากปี 2558 ราว 1% ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทำธุรกิจมา

“ปกติตลาดซอสปรุงรสจะเติบโต 2-3% ทุกปี เพราะผู้บริโภค, ธุรกิจ HORECA และผู้ผลิตอาหารก็ต้องใช้กันอย่างเป็นประจำ แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี มันก็ลามเป็นลูกโซ่ พอคนไม่มีเงิน เขาก็ไม่ซื้อของกินเยอะ พอของกินขายไม่ได้ ร้านค้าก็ไม่ซื้อพวกซอสปรุงรสไปใช้ และไหนจะเศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วน ก็ทำให้ธุรกิจอาหารส่งออกขายไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นคงต้องลุ้นปีนี้ว่าจะกลับมาดีหรือไม่ แต่ทางหยั่นหว่อหยุ่นมองว่าทุกอย่างน่าจะฟื้นตัว สังเกตจากกำลังซื้อช่วงปีใหม่เริ่มกลับมา และคงต้องวัดกันอีกทีว่าหลังตรุษจีนจะดีขึ้นกว่านี้หรือไม่ แค่ตลาดรวมกลับมาเติบโต 2-3% ก็เป็นที่น่าพอใจแล้ว”

สมหวัง ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด

ถึงเบอร์หนึ่งก็เหนื่อย ต้องเร่งพัฒนาตัวเอง

ขณะเดียวกันในฝั่งภาพรวมของ หยั่น หว่อ หยุ่น ยังเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดซีอิ๊วมูลค่าราว 2,000 ล้านบาทอยู่ เพราะด้วยความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่มีอายุกว่า 70 ปี ประกอบกับสินค้าอื่นๆ เช่นเกลือ กับน้ำปลา ก็ไม่สามารถมาทดแทนรสชาติของซีอิ๊วได้ แต่ด้วยรายได้ในปี 2559 กลับอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ราว 3-4% เท่านั้น ถือเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้เติบโตราว 10% และมีรายได้ 3,500 ล้านบาท ดังนั้นจะให้ย่ำอยู่กับที่แค่ในประเทศไทย อาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องหากต้องการกลับมาเติบโตแบบเดิม และต้องการแตะเป้าหมายรายได้ 3,800 ล้านในปีนี้

โดยกลยุทธ์ในประเทศไทยจะใช้วิธีออกสินค้าระดับพรีเมี่ยม เช่นซอสปลาเค็ม ราคา 330 บาท ถือเป็นสินค้าพรีเมี่ยมตัวที่ 3 หลังจากเคยออกซีอิ๊วพรีเมี่ยมมาแล้ว ซึ่งการปล่อยสินค้าระดับพรีเมี่ยมนั้น จะช่วยให้ส่วนต่างกำไรมีมากกว่าสินค้าปกติ และสามารถนำเงินส่วนนี้ไปต่อยอดในการวางแผนการตลาดได้ นอกจากนี้การขยายตลาดผ่านการลดราคาก็เป็นอีกวิธีในการได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่นลดราคาซอสหอยนางรมเหลือ 29 บาท จากเดิม 43 บาท รวมถึงการสร้างรายได้ให้กับสินค้าแบรนด์ I-Chef และ Maxchup ให้รายได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะปัจจุบัน 80% ของรายได้มาจากแบรนด์เด็กสมบูรณ์

ซอสปลาเค็ม ของหยั่น หว่อ หยุ่น

ต่างประเทศต้องเบอร์หนึ่ง Import Sauce

และอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการไปบุกตลาดต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากฝั่งนั้นให้เป็น 50% ของรายได้รวมให้เร็วที่สุด จากเดิมอยู่ราว 15% เพราะต้องการลดความเสี่ยง และการได้รับความนิยมในต่างประเทศยังยกระดับแบรนด์ได้อีกด้วย แต่การทำตลาดที่ต่างประเทศนั้นจะได้ไม่ได้ตั้งเป้าล้มผู้ครองตลาดเดิม เพียงต้องการเป็นเบอร์หนึ่งของซอสนำเข้า หรือ Import Sauce เท่านั้น และถึงปัจจุบันตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือกลุ่มยุโรป รองลงมาเป็นสหรัฐอเมริกา และวิธีทำตลาจะใช้การแต่งตั้ง Distributor ในแต่ละประเทศ เพื่อเป็นตัวแทนกระจายสินค้า

สำหรับการแข่งขันของตลาดเครื่องปรุงรสในปีนี้ยังมีการแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ของแต่ละแบรนด์ และอาจมีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นมาแข่งขันกับแบรนด์ดั้งเดิมได้ นอกจากนี้การใช้ช่องทางออนไลน์ของผู้ผลิตเครื่องปรุงรสจะมีมากขึ้น เพราะปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มใช้ชีวิตบนช่องทางนี้มากกว่า ดังนั้นการสื่อสารในรูปแบบใหม่จึงจำเป็น ซึ่งทางบริษัทมีการจำหน่ายออนไลน์ผ่าน Line Shop แล้ว และกำลังหาช่องทางอื่นอยู่ ส่วนตลาดรวมเครื่องปรุงรสมูลค่า 5,600 ล้านบาท (ไม่รวมน้ำปลา) ปัจจุบันบริษัทเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด ผ่านส่วนแบ่ง 32% สูงกว่าอันดับ 2 และ 3 ที่มีส่วนแบ่งราว 20%

สรุป

จะเรียกว่าเศรษฐกิจไม่ดี คนก็ทนๆ กินไปก็คงไม่ใช่นัก แต่ในความเป็นจริงก็เป็นอย่างนั้น เพราะขนาดตลาดเครื่องปรุงรสยังหดตัวเลย ดังนั้นหวังว่าเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหนึ่ง และทำให้เครื่องปรุงรสกลับมาคึกคัก รวมถึงทำตลาดอย่างแพร่หลาย สมกับชื่อ Seasoning Sauce ในภาษาอังกฤษ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา