ฉายภาพธุรกิจธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์ “ไครโอวิวา” กับการรักษาโรคต่างๆ ของมนุษย์

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ “สเต็มเซลล์” หรือ “เซลล์ต้นกำเนิด” ซึ่งได้ชื่อว่าจะเป็นอนาคตใหม่ของการรักษาโรคต่างๆ ของมนุษย์ ทั้งเรื่องของการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หรือการฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ หลากหลายคนอาจจะมองว่าการรักษาด้วยสเต็มเซลล์เป็นเรื่องที่ไกลตัวเรามาก แต่แท้ที่จริงแล้วเทคโนโลยีนี้ใกล้ตัวเรามาก

ไครโอวิวา (Cryoviva) หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมสเต็มเซลล์ ทั้งการจัดเก็บ เพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ ที่ก่อตั้งธุรกิจมาแล้วเกือบ 2 ทศวรรษ ประกาศเปิดตัวห้องปฏิบัติการใหม่ ลงทุนหลายร้อยล้านบาท ขยายพื้นที่จัดเก็บ และเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ เพื่อใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาใหม่ ATMP ด้วยมาตรฐาน GMP/PICS ที่ขยายพื้นที่ขึ้นกว่า 3 เท่า รองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นระดับ 5 แสนล้านเซลล์ต่อปี ทั้งกลุ่มของเด็กทารกรวมไปถึงบุคคลทั่วไป ตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในเอเซีย

จิรัญญา ประชาเสรี ประธานกรรมการบริหาร – ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไครโอวิวา (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “สเต็มเซลล์” หรือ “เซลล์ต้นกำเนิด” นั้น ได้มีบทบาทขึ้นเรื่อยๆ ในการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยให้กับผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคต และในตอนนี้มีหน่วยงานต่างๆ ต่างยอมรับในการรักษาโรคด้วยสเต็มเซลล์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงใช้ในการชะลอวัย

“จากสถิติปัจจุบัน ไทยเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุอยู่ในอันดับที่ 2 ของเอเชีย จะทำอย่างไรให้คนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยค่าใช้จ่ายที่จับต้องได้ รวมไปถึงมุ่งหวังให้บางหน่วยงานสาธารณสุขสามารถใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาผู้ป่วยได้ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายของระบบสาธารณสุขของประเทศได้ด้วย ตอนนี้ไทยมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านสเต็มเซลล์เป็นอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว รวมไปถึงโอกาสการสร้างรายได้มหาศาลจาก Medical Tourism ที่คนไข้จากทั่วโลกจะเข้ามาทำการรักษาตัวที่ไทย และมั่นใจและยอมรับถึงคุณภาพของการบริการทางการแพทย์ของไทย”

ปัจจุบันที่ผู้ที่สนใจเก็บสเต็มเซลล์ในประเทศไทยเพียงหลักพันรายต่อปีเท่านั้น เรายังมีโอกาสที่คนไทย หรือชาวต่างชาติอีกมาก โดยปัจจุบันมีสัดส่วนของชาวต่างชาติที่เป็นลูกค้าของเราประมาณ 25% ฐานหลักคือชาวจีน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง

จากการคาดการณ์ Exactitude Consultancy บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำของโลก ประเมินว่ามูลค่าตลาดของสเต็มเซลล์ทั่วโลกพบว่าสูงถึง 20.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2029 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 14.6% จาก 5.87 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020

เข้าถึงการเก็บสเต็มเซลล์ได้ง่าย เริ่มต้นเพียง 50,000 บาท

จิรัญญา กล่าวถึงค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสเต็มเซลล์ มีขั้นตอนที่ง่ายมากโดยแจ้งความจำนงค์ได้กับทางบริษัท หรือหน่วยงานสถานรักษาพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการกับทาง ไครโอวิวา หากเป็นการเก็บจากหลังการคลอดของคุณแม่โดยสามารถเก็บเกี่ยวสเต็มเซลล์ที่มีค่าจากรกและสายสะดือ หรือบุคคลทั่วไปที่สามารถจัดเก็บสเต็มเซลล์ที่มาจากแหล่งไขมันของตัวเอง โดยมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 50,000 บาท ต่อ 5 ปี หากจะเก็บไว้ตลอดชีพ มีค่าใช้จ่ายเพียง 80,000 บาทเท่านั้น หากเจ้าของหรือครอบครัวมีความประสงค์ในการเพาะสเต็มเซลล์ ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนเซลล์ที่เพาะ ทั้งนี้ทางบริษัทยังอำนวยความสะดวกในการผ่อนจ่ายได้ต่อเดือนในหลักร้อย-พันบาท ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ลดลง เมื่อเทียบกับหลายปีที่แล้ว ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึง economy of scale ที่ทำให้ต้นทุนลดลงเป็นอย่างมาก

ไครโอวิวา เป็น 1 ใน 3 ของธนาคารสเต็มเซลล์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก AABB หรือสมาคมเพื่อความก้าวหน้าด้านเลือดและชีวรักษา ประเทศสหรัฐอเมริกา (Association for the Advancement of Blood & Biotherapies) ทั้งสองสาขา คือ การจัดเก็บสเต็มเซลล์ และการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ AABB ระหว่างนี้ยังได้พัฒนาการทำงานให้สอดคล้องกับมาตรฐาน GMP/PICS เปิดให้บริการทั่วทั้ง 5 ทวีป ทั้งในอเมริกา ยุโรป แอฟริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย มากกว่า 20 ประเทศ และมีห้องปฏิบัติการและธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์ถึง 4 แห่ง คือ ไทย, สิงคโปร์, เวียดนาม และอินเดีย

มีงานวิจัยออกมาอย่างต่อเนื่อง ถึงการรักษาโรคด้วยสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ จากโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบเลือดและอื่นๆ ได้มากกว่า 85 โรค ได้แก่ กลุ่มโรคมะเร็งเม็ดเลือดทุกชนิด อย่างมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคโลหิตจาง โรคธาลัสซิเมีย ความผิดปกติของเซลล์ไขกระดูก โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดเลือดแดง โรคจากความผิดปกติของระบบเผาผลาญอาหาร เป็นต้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา