CPALL ไตรมาส 3/2020 กำไร 3,998 ล้านบาท เร่งปรับกลยุทธ์นำโมเดล O2O มาใช้

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ได้รายงานงบการเงินไตรมาส 3 ของปี 2563 โดยกำไรในไตรมาสนี้ลดลง 28.76% นอกจากนี้บริษัทยังเร่งนำกลยุทธ์ O2O มาใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

7-Eleven เซเว่น อีเลฟเว่น
ภาพจาก Shutterstock

ไตรมาส 3 ของ CPALL มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,998 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว 28.76% รายได้รวมของบริษัทไตรมาสนี้อยู่ที่ 135,500 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว 3.8% สาเหตุมาจากรายได้การขายสินค้าและบริการของบริษัทลดลงจากผลกระทบของ COVID-19 และบริษัทยังได้ชี้แจงว่าผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนหนึ่งจำกัดอยู่ในสินค้าจำเป็นเท่านั้น

กำไรขั้นต้นของบริษัทสูงขึ้น อยู่ที่ 28,568 ล้านบาท ลดลง 7.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 22% โดยบริษัทได้รายงานว่ากำไรขั้นต้นจากกลุ่มร้านสะดวกซื้อลดลงและสัดส่วนกำไรขั้นต้นที่มาจากธุรกิจค้าส่งแบบชำระเงินสดที่เพิ่มมากขึ้น

ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร ไตรมาสที่ 3 ต้นทุนอยู่ที่ 27,307 ล้านบาท ลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว โดยบริษัทได้รายงานว่าสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับปี 2019 ที่ผ่านมา แม้ว่าบริษัทจะมีสาขาเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันไตรมาส 3 นี้บริษัทต้องรับรู้ค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์การใช้อีก 2,259 ล้านบาท

ไตรมาสที่ผ่านมาทาง CPALL ได้เปิดสาขาใหม่ทั้งสิ้น 271 สาขา มีสาขารวมทั้งสิ้น 12,225 สาขา เฉลี่ยคนเข้าต่อสาขาอยู่ที่ 917 คน เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ไม่สามารถเข้ามาในประเทศไทยได้

นอกจากนี้บริษัทยังเร่งนำกลยุทธ์ O2O มาใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าอุปโภคบริโภค ผ่านช่องทาง 7-Eleven Delivery และ All Online รวมถึง 24Shopping

ที่มา – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ