ในวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีนในปี 2568 เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กำลังสร้างปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลอง แต่ยังเป็นการวางรากฐานเชิงกลยุทธ์สำหรับความสัมพันธ์ในอีก 50 ปีข้างหน้า ผ่านการนำเสนอ มหาอุปรากรสะท้านปฐพี การแสดงงิ้วแต้จิ๋วจาก คณะกึงตังเตี่ยเกี๊ยะอี่อิ๊กท้วง ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นคณะอุปรากรแต้จิ๋วอันดับหนึ่งของมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน การแสดงจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–16 กรกฎาคม 2568 ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ไอคอนสยาม นับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองในมิติของการใช้ Soft Power เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับชาติให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเป็นผู้สนับสนุนหลักของซีพี แต่เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตรระดับมหภาคจากทั้งสองประเทศ ซึ่งสะท้อนนัยยะสำคัญทางธุรกิจและการทูตอย่างชัดเจน โดยมีสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทย–จีน, สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย และศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นหัวเรือใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น การสนับสนุนจากองค์กรธุรกิจชั้นนำอย่าง ธนาคารกรุงเทพ, ไทยเบฟเวอเรจ, Huawei, ZTE, Midea และ Tencent ยังตอกย้ำให้เห็นถึงการรวมพลังของภาคเอกชนที่มองเห็นคุณค่าของการทูตวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy) ในการสร้างสะพานเชื่อมโยงที่ยั่งยืน
มากกว่าความบันเทิง เพราะคือของขวัญแห่งมิตรภาพที่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์
ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ให้ทัศนะเชิงกลยุทธ์ไว้อย่างน่าสนใจว่า การจัดแสดงครั้งนี้ริเริ่มจากดำริของ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส โดยมองว่างิ้วไม่ใช่เป็นเพียงศิลปะการแสดง แต่คือ ของขวัญแห่งมิตรภาพ ที่สะท้อนคุณธรรมร่วมของสองชนชาติ ไม่ว่าจะเป็นความรักแท้, ความกตัญญู หรือความจงรักภักดี ซึ่งเป็นค่านิยมที่สอดคล้องกับจริยธรรมของสังคมไทย
มุมมองดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ซีพีไม่ได้มองการลงทุนครั้งนี้เป็นเพียงกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) แต่เป็น การลงทุนเชิงวัฒนธรรม ที่มุ่งสร้างความเข้าใจในระดับรากฐาน ศุภชัย ยังกล่าวเสริมว่า “งิ้วแต้จิ๋วถือเป็นการเรียนลัดวัฒนธรรมของประเทศจีน อันนำไปสู่การสร้างรากฐานความเข้าใจที่ยั่งยืนระหว่างสองประเทศ” ซึ่งสอดรับกับแนวคิด Soft Power ที่เชื่อว่าอิทธิพลทางวัฒนธรรมสามารถสร้างความผูกพันและความร่วมมือได้แนบแน่นกว่าการปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
ด้าน ภูบดี ลออเงิน เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอกย้ำภาพใหญ่ของการทูตวัฒนธรรม โดยระบุว่าปี 2568 ได้รับการประกาศให้เป็น ปีทองแห่งมิตรภาพไทย–จีน ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกว่า 200 รายการจากทั้งสองฝ่าย การแสดงงิ้วแต้จิ๋วครั้งนี้จึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมเรือธงที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ซึมซับสายใยมิตรภาพที่หยั่งรากลึก ภายใต้คำขวัญ จีนไทย สานใจกัน ร่วมสร้างฝัน ประชาคม
สินทรัพย์ทางวัฒนธรรมระดับโลก กับคณะงิ้วอันดับหนึ่งและมรดกโลกจาก UNESCO
หัวใจของงานครั้งนี้คือ คณะกึงตังเตี่ยเกี๊ยะอี่อิ๊กท้วง คณะงิ้วแต้จิ๋วจากซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1958 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคณะอุปรากรแต้จิ๋วระดับแนวหน้าของจีน คณะงิ้วนี้เปรียบเสมือน ทูตวัฒนธรรม ที่เดินทางไปแสดงทั่วโลก และเป็นที่รวมของศิลปินชั้นครู ผู้คว้ารางวัลระดับชาติมาแล้วมากมาย อาทิ รางวัลศิลปินยอดเยี่ยม เยาเสวียนเชียว และรางวัล Plum Blossom Award จาก The China Theatre รวมถึง The Wenhua Award จากกระทรวงวัฒนธรรมจีน
ตัวศิลปะ งิ้วแต้จิ๋ว เองก็มีสถานะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติโดยการรับรองจาก UNESCO ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 590 ปี งิ้วแต้จิ๋วมีเอกลักษณ์โดดเด่นทั้งเสียงร้องท่วงทำนองเฉพาะถิ่น, ท่ารำอันอ่อนช้อย และดนตรีพื้นบ้านที่ไพเราะ จนได้รับสมญานามว่า ดอกไม้แห่งภาคใต้ การนำเสนอศิลปะชั้นสูงนี้ในประเทศไทยจึงเทียบเท่ากับการนำเสนอโอเปร่าจากฝั่งตะวันตก โดยมาพร้อมโปรดักชันเต็มรูปแบบ ทั้งทัพนักแสดงและทีมงานกว่า 80 ชีวิต, การแสดง 7 วัน 16 บทละครไม่ซ้ำเรื่อง, คำบรรยายไทย-จีน, ดนตรีสด และเทคนิคแสง สี เสียงร่วมสมัย
ถอดรหัสคุณค่าผ่าน 16 บทละคร จากวีรสตรีถึงโศกนาฏกรรมแห่งอำนาจ
การคัดสรรบทละครทั้ง 16 เรื่องมาจัดแสดง ถือเป็นการนำเสนอแก่นแท้ทางความคิดและจริยธรรมของจีนโบราณอย่างครบถ้วน โดยแต่ละเรื่องล้วนสะท้อนคุณค่าที่แตกต่างกันไป อาทิ
- ความเสียสละเพื่อชาติ: “ยุทธภูมิ สี่หนึ่งจิว” เรื่องราวของวีรสตรี “ตั่งเปี๊ยะเนี้ย” ที่ลุกขึ้นสู้ปกป้องบ้านเมือง สะท้อนอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่เหนือเรื่องส่วนตัว
- หลักนิติธรรมและความยุติธรรม: “ราชินีฮั่งบุ๊ง” นำเสนอความขัดแย้งของฮองเฮาที่ต้องเลือกระหว่างสายเลือดกับกฎหมายบ้านเมือง แต่สุดท้ายก็ยึดมั่นในความถูกต้อง สั่งประหารน้องชายตนเอง และ
“เปาบุ้นจิ้นขอขมา” ที่สะท้อนความเที่ยงธรรมของเปาบุ้นจิ้นซึ่งไม่ละเว้นแม้แต่ญาติของตน - ความกตัญญู: “พระโมคคัลลานะโปรดโยมมารดา” เรื่องราวจากพุทธศาสนามหายานที่ยกย่องความกตัญญูอันยิ่งใหญ่ของพระโมคคัลลานะในการช่วยมารดาให้พ้นจากขุมนรก
- ความรักและสัจจะ: “ลำนำเพลงรัก” บทเพลงรักอมตะที่สะท้อนความซื่อสัตย์แม้ต้องพลัดพราก และ
“หวนพบที่บ้านสกุลจก” โศกนาฏกรรมรักสุดคลาสสิกของเหนี่ยซัวแปะและจ๊กเอ็งไท้
การแสดงปิดท้ายในวันสุดท้ายคือ “พยัคฆ์ปักไหม” ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการงิ้วแต้จิ๋ว บทละครนี้ดัดแปลงจากวรรณกรรม “สามก๊ก” และได้รับรางวัลสูงสุดประเภทบทละครเวทีจากรางวัลเถียนฮั่น (Tian Han Drama Award) ครั้งที่ 35 ซึ่งถือเป็นงิ้วแต้จิ๋วเรื่องแรกจากภูมิภาคที่คว้ารางวัลระดับชาตินี้มาได้ การนำเสนอเรื่องนี้จึงเป็นการแสดงศักยภาพสูงสุดของคณะงิ้วและเป็นการเชื่อมโยงศิลปะดั้งเดิมเข้ากับแนวคิดร่วมสมัยได้อย่างสมบูรณ์
การจัดงาน มหาอุปรากรสะท้านปฐพี ในครั้งนี้ เป็นมากกว่ากิจกรรมเฉลิมฉลอง แต่คือบทพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์และพันธมิตร ในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและยั่งยืน สำหรับภาคธุรกิจ นี่คือกรณีศึกษาที่ยอดเยี่ยมของการสร้างแบรนด์องค์กรในระดับสากลผ่านการทูตวัฒนธรรม ซึ่งไม่เพียงสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่ยังก่อให้เกิดความเข้าใจและความไว้วางใจ อันเป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ในการดำเนินธุรกิจข้ามพรมแดนในระยะยาว และเป็น ‘ของขวัญ’ ที่จะส่งต่อแรงบันดาลใจและมิตรภาพไปสู่คนรุ่นต่อไปในอีก 50 ปีข้างหน้าได้อย่างแท้จริง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา