ช่วงนี้นอกจากรายการประกวดร้องเพลงจะเห็นกันแทบทุกช่องทีวีดิจิทัล “การแข่งขัน หรือสอนทำอาหาร” ก็เป็นอีกรายการที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมเป็นอย่างมาก และนั่นก็เป็นที่มาของกระแสการอยากเป็นเชฟของคนรุ่นใหม่
Le Cordon Bleu กับเหตุการณ์นักเรียนแห่สมัคร
ไล่ตั้งแต่ Top Chef, MasterChef หรือกระทั่งเชฟกระทะเหล็ก รายการแข่งขันทำอาหารเหล่านี้ต่างสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ หรือคนที่ชื่นชอบการทำอาหาร ให้ลุกขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และทำให้โรงเรียนสอนทำอาหารได้รับความนิยมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Le Cordon Bleu ที่บริหารโดยกลุ่มโรงแรมดุสิต
ศิรเดช โทณวนิก กรรมการผู้จัดการฝ่ายการศึกษา ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เล่าให้ฟังว่า จริงๆ ความนิยมในการเรียนทำอาหารนั้นมีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ทางกลุ่มนำโรงเรียน Le Cordon Bleu มาเปิดในประเทศไทยเมื่อ 11 ปีก่อน และถ้ามองช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา คอร์สเกี่ยวกับการสอนทำขนมนั้นค่อนข้างเป็นที่นิยม แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว
“เทรนด์เรื่องการทำขนมมันมาก่อน และเราเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารระดับโลก ใครๆ ก็อยากเข้ามาเรียน แต่ตอนนี้คอร์สเกี่ยวกับอาหารคาวของชาติต่างๆ นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก และมีคนมาสมัครเต็มโควต้าตลอด ซึ่งรายการแข่งขันทำอาหารที่มีมากขึ้นในไทยก็เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น”
ตลาดแข่งเดือด เพราะใครๆ ก็อยากตามฝันของตัวเอง
เมื่อหลายคนเริ่มเข้าใจว่าอาชีพเชฟนั้นสามารถเลี้ยงตัวเองได้จริง เด็กรุ่นใหม่ รวมถึงคนที่ชื่นชอบในการทำอาหารก็อยากจริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้น และขวนขวายหาที่เรียนเกี่ยวกับการทำอาหาร เพื่อยกระดับทักษะของตัวเอง ทำให้เกิดโรงเรียนสอนทำอาหารเกิดขึ้นมากมาย และเริ่มมียักษ์ใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาบ้างแล้ว
“ก่อนหน้านี้โรงเรียนสอนทำอาหารนอกจาก Le Cordon Bleu ก็จะเป็นกลุ่มรายย่อย หรือสถาบันการศึกษา แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีโรงเรียนจากต่างประเทศมาบ้างแล้ว เพราะพวกเขาเห็นโอกาสทางธุรกิจ ประกอบกับคนปัจจุบันก็ยอมจ่ายเงินเพื่อเรียนทำอาหารมากกว่าเดิม เรียกว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นของธุรกิจสอนทำอาหารก็ว่าได้”
สำหรับ Le Cordon Bleu ในไทยนั้น อายุผู้เรียนในอดีตจะต่ำสุดที่ 21 ปี แต่ปัจจุบันลงมาเหลือ 15-16 ปี และมีคนที่อายุราว 70 ปี มาสมัครเรียนเช่นกัน นอกจากนี้ด้วยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีแค่ไทย กับมาเลเซีย แต่ความได้เปรียบเรื่องราคาสินค้าเกษตร ทำให้ไทยอาจขึ้นเป็นศูนย์กลางของการเรียนทำอาหารในภูมิภาคนี้ก็เป็นได้
ย้ายไปเซ็นทรัลเวิลด์ด้วยสัญญาเช่า 10 ปีในเบื้องต้น
อย่างไรก็ตามด้วยพื้นที่โรงแรมดุสิตเดิมจะถูกเปลี่ยนเป็น Mix-Use ที่พัฒนาโดยกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งปัจจุบันโรงเรียน Le Cordon Bleu ก็ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ต้องหาสถานที่ใหม่ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เป็นอาคารเซ็น ทาวเวอร์ หรือส่วนหนึ่งของพื้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ มีทั้งหมด 3 ชั้น ทำสัญญาเช่าพื้นที่เป็นเวลา 10 ปี
“ตอนนี้เราขอ 10 ปีก่อน และอนาคตอาจกลับมาอยู่ที่เดิมหลังกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาพื้นที่เสร็จก็ได้ แต่เชื่อว่าการลงทุนกว่า 300 ล้านบาทเพื่อย้ายไปอยู่ที่ใหม่ที่มีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ตร.ม. รองรับนักเรียนได้อีก 600 คน ก็น่าจะทำให้บรรยากาศในการเรียนการสอนดีขึ้น ทั้งนี้การย้ายไปที่ใหม่ก็จะมาพร้อมกับค่าคอร์สที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย”
โรงเรียน Le Cordon Bleu แห่งใหม่จะเปิดเรียนอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ม.ค. ประกอบด้วย 4 หลักสูตรหลักคือ กร็องด์ ดิโปลม, การประกอบอาหารคาว, การประกอบขนมอบและขนมหวาน และการทำขนมปัง โดย 40% ของนักเรียนเป็นผู้ประกอบการ และ 20-25% ของนักเรียนทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ
สรุป
กระแสการเรียนทำอาหารนั้นมาแรงจริงๆ ในช่วงนี้ สังเกตจากรายการแข่งขันทำอาหารที่ต่างก็มีเรตติ้งดีทั้งนั้น และโดยส่วนตัวเชื่อว่ากระแสดังกล่าวน่าจะเป็นไปอีกระยะหนึ่ง เพราะการทำอาหารเป็นสิ่งที่คู่กับทุกคน และถือเป็นอีกความสุขในการใช้ชีวิต ดังนั้นโอกาสที่โรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดังจะเกิดขึ้นในไทยอีกก็มีสูง
ภาพ // Le Cordon Bleu, Facebook ของ Le Cordon Bleu Dusit
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา