เมื่อจับจุดได้ Commart ก็ไม่ใช่แค่งานไอทีจับฉ่าย แถมยังรักษายอดสะพัดได้

การจัด Trade Fair ในช่วงที่ Mood ของผู้บริโภคยังไม่กลับเข้าสู่ช่วงปกติ เรียกว่าปราบเซียนกันพอสมควร เพราะการหาวิธีมากระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายภายในงานทำได้ค่อนข้างยาก แต่งานล่าสุดอย่าง Commart Work กลับปรับภาพลักษณ์งาน และชูจุดเด่นออกมาชัด จนภาพรวมงานครั้งนี้ดีกว่า 1 – 2 ปีที่ผ่านมาพอสมควร

02_______________-commart-work-2016

ชูภาพชัด ไม่ใช่จับฉ่ายไอที

ทีมงาน Brand Inside ได้เดินภายในงาน Commart Work ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 พ.ย. ภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พบว่าตัวงานยังใช้พื้นที่ใกล้เคียงกับครั้งก่อน คือ Prinary Hall, Zone C ชั้นบน และ Plaza ไม่มี Zone C ชั้นล่างที่ปกติแล้วจะจำหน่ายอุปกรณ์เสริม หรือร้านอาหาร และสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับไอที ที่สำคัญภายในงานนี้ยังชูเรื่องอุปกรณ์เกี่ยวกับ Gaming (การเล่นเกม) โดยเฉพาะ Gaming Notebook และ Gaming Gear ต่างๆ แม้จะขัดกับชื่องาน Work อยู่บ้าง แต่ก็สร้างความชัดเจนของงานได้

และด้วย Mood ผู้บริโภคยังไม่กลับมาอย่างเต็มที่ ทำให้ผู้เข้าชมงานอาจบางตาไปบ้าง แต่เกือบทุกคนจะตั้งใจเข้ามาซื้ออุปกรณ์ไอทีภายในงาน ไม่ใช่แค่มาเที่ยวชมเทคโนโลยี สังเกตจากเกือบทุกคนจะหิ้วเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ไอทีต่างๆ ออกไปด้วยเสมอ ประกอบกับการร่วมกันทำโปรโมชั่นของค้าปลีกไอทีที่เข้าจัดงาน และแบรนด์คอมพิวเตอร์ที่ช่วยเหลือการทำโปรโมชั่นผ่อน 0% ในระยะเวลา 10 – 15 เดือน ก็ทำให้การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคง่ายขึ้นเช่นกัน ดังนั้นงาน Commart Work ถือเป็นการปรับตัวที่ดีของกลุ่ม ARIP ที่เป็นผู้จัด

03_______________-commart-work-2016

ไม่ใช่แค่ Gamer แต่ต้องกระตุ้นภาพรวม

พรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการธุรกิจสื่อไอที และดิจิทัล บมจ.เออาร์ไอพี บอกว่า ภายในงานนี้ไม่ใช่แค่ให้แบรนด์คอมพิวเตอร์นำเครื่อง Gaming มาจำหน่ายภายในงาน แต่ยังเป็นการนำสินค้าต่างๆ มาวางจำหน่ายในราคาพิเศษ เช่นร้าน Advice ทำแคมเปญลดราคาสูงสุด 80% ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้งาน Commart ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ผ่านผู้เข้าชมงานทั้ง 4 วันกว่า 7 แสนคน และมีเงินสะพัดภายในงานกว่า 2,800 ล้านบาท โดยโน้ตบุ๊ก กับเดสทอป เป็นสองสินค้าที่จำหน่ายได้ดีที่สุดภายในงาน

“ตอนแรกทีมตั้งเป้า 3,000 ล้านบาท แต่ด้วยอารมณ์ผู้บริโภคยังไม่เข้าสู่ช่วงปกติ ทำให้ลดเหลือ 2,800 ล้านบาทเท่าครั้งก่อนที่จัดเมื่อกลางปี และผมมองว่างานนี้คนที่เข้ามาน่าจะเข้ามาเพื่อซื้อ ไม่ใช่เดินเล่น เพราะตอนนี้เราเริ่มเข้าใจแล้วว่า Commart หลังจากนี้ต้องเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเน้นขายสินค้าอย่างเดียวก็คงไปได้ระยะหนึ่ง แต่การใส่เรื่องอื่นๆ เข้ามาในงาน เช่นครั้งนี้มีการโชว์แข่งเกมจาก Garena ในวันเสาร์อาทิตย์ ก็น่าจะช่วยดึงดูดคนได้อีกไม่มากก็น้อย และช่วยสร้างความแข็งแกร่งด้านคอมพิวเตอร์ระดับ Gaming ของเราได้ด้วย”

สรุป

การปรับตัวของงาน Trade Fair ในตอนนี้ถือเป็นความจำเป็นของผู้จัด เพราะถ้าจะให้ขายของแค่อย่างเดียวก็คงลำบาก ยิ่งอารมณ์จับจ่ายผู้บริโภคยังไม่ปกติ การคุมโทนงาน และการวางรูปแบบเพื่อกระตุ้นยอดขาย รวมถึงการโฟกัสสินค้าเพื่อให้คนที่ต้องการซื้อเข้ามาซื้อสินค้า ไม่ใช่มาเดินเล่นก็จำเป็นเช่นกัน

ขณะเดียวกันปีหน้า งาน Trade Fair ที่เกี่ยวกับสินค้า IT ก็อาจจะเห็นการปรับตัวกันมากขึ้น เพราะการเน้นจำหน่ายสินค้าเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ ผ่านภายนอกงานก็ขายสินค้าราคาเดียวกัน ประกอบกับตัวงานไม่ได้มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาดึงดูด นอกจากราคาสินค้า

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา