Coffee World ปรับเกมรุก เปิด Flagship Store ใจกลางรัชดา เสริม Ecosystem ในเครือ PTG

การแข่งขันในตลาดร้านกาแฟมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทของไทยยังคงดุเดือด แต่ละแบรนด์ต่างต้องหาจุดยืนและกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค ล่าสุด Coffee World แบรนด์กาแฟในเครือ PTG ได้เคลื่อนไหวครั้งสำคัญ ด้วยการเปิด Flagship Store แห่งใหม่ ณ อาคาร CW Tower ใจกลางย่านธุรกิจรัชดา

การเปิดตัวครั้งนี้เป็นทั้งการขยายสาขา และเดินหน้ากลยุทธ์การ “ปักหมุด” แบรนด์ให้ชัดเจนขึ้น ท่ามกลางสมรภูมิกาแฟที่เต็มไปด้วยผู้เล่นรายใหญ่และรายย่อย Brand Inside ชวนมาวิเคราะห์ทิศทางของ Coffee World ผ่าน Flagship Store แห่งนี้

เจาะทำเลออฟฟิศ พร้อมโมเดลที่ตอบโจทย์ทุกช่วงเวลา

สิ่งแรกที่น่าสนใจคือการเลือกทำเล CW Tower ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานใจกลางรัชดา การตัดสินใจนี้ชี้ชัดว่าเป้าหมายหลักคือ กลุ่มคนทำงาน ที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการกาแฟในชีวิตประจำวัน

Coffee World ไม่ได้มองแค่การขายกาแฟแก้วเดียวจบ แต่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนทำงานตลอดทั้งวัน ผ่านการออกแบบร้านที่แบ่งเป็น 2 โซนชัดเจน

  • โซน Café (Speed Bar) ออกแบบมาเพื่อความรวดเร็ว ตอบโจทย์ช่วงเช้าที่เร่งรีบของพนักงานออฟฟิศ
  • โซน Restaurant พื้นที่สำหรับการนั่งคุยงาน ประชุม หรือรับประทานอาหารกลางวันและเย็น

โมเดลนี้คือการพยายามจับลูกค้าให้ได้ในทุกช่วงเวลา (Dayparts) ตั้งแต่กาแฟแก้วแรกของวัน ไปจนถึงมื้ออาหาร ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้สูงสุดจากพื้นที่สาขา

นอกจากนี้ การยกระดับเมนูให้มีความ Exclusive เฉพาะสาขา เช่น แซนด์วิช Sourdough และ Flatbread, กาแฟสายพันธุ์พิเศษอย่างเกอิชา รวมถึงเมนู Plant Based และการดึงพันธมิตรอย่าง Pleased Yoghurt Bar เข้ามาเสริมทัพ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า Coffee World กำลังขยับตำแหน่งตัวเองสู่ตลาดพรีเมียมมากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

ใช้พลัง Ecosystem ของ PTG สร้างความได้เปรียบ

ปกรกานต์ รัชกิจประการ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “Coffee World ยังคงยึดมั่นในมาตรฐานกาแฟพรีเมียม พร้อมพัฒนาเมนูใหม่ที่ทันสมัยสอดรับเทรนด์สุขภาพและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้การเคลื่อนไหวของ Coffee World ครั้งนี้น่าจับตา คือการใช้ประโยชน์จาก Ecosystem ของบริษัทแม่อย่าง PTG อย่างเต็มที่

เห็นได้ชัดจากการทำแคมเปญร่วมกับ Maxbit แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลในเครือ ที่มอบส่วนลดค่าธรรมเนียมเทรดให้ลูกค้าทุกออเดอร์ รวมถึงสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก Max Card Plus ที่ได้ส่วนลดเครื่องดื่มถึง 50% กลยุทธ์นี้ไม่ใช่แค่การทำโปรโมชัน แต่คือการสร้าง Synergy ดึงฐานลูกค้าจากธุรกิจอื่นในเครือมาสู่ร้านกาแฟ และในทางกลับกันก็ใช้ร้านกาแฟเป็นจุดประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้ธุรกิจอื่นด้วย

การร่วมมือกับแบรนด์ในเครืออย่าง พันธุ์ไทย และ ซับเวย์ รวมถึงการคอลแลปกับแบรนด์ภายนอก เช่น SW. Smiley World และโปรเจกต์กับแบรนด์ระดับโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4 สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะทำให้แบรนด์มีความสดใหม่และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z มากขึ้น

สร้างความน่าเชื่อถือด้วยรางวัล และต่อยอดสู่ประสบการณ์

ในตลาดกาแฟพรีเมียม คุณภาพและฝีมือของบาริสต้าคือสิ่งสำคัญ Coffee World กำลังใช้ “รางวัล” มาสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ การคว้าแชมป์ GCC Signature Espresso Championship Thailand 2025 และการได้เป็นตัวแทนประเทศ ไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นเครื่องมือทางการตลาดชั้นดีที่ช่วยการันตีคุณภาพและสร้างเรื่องราวให้กับแบรนด์

แบรนด์ยังต่อยอดความสำเร็จนี้ไปสู่การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ผ่านแผนการจัดกิจกรรม Open House (Omakase Workshop) ที่ให้ลูกค้าได้เรียนรู้เรื่องกาแฟจากแชมป์บาริสต้าโดยตรง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การสร้าง Brand Love และเปลี่ยนลูกค้าทั่วไปให้กลายเป็นลูกค้าประจำที่มีความผูกพันกับแบรนด์

ปัจจุบัน Coffee World มี 28 สาขาทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่ 25 สาขา เป็นรูปแบบที่บริษัทลงทุนและบริหารเอง (COCO) ซึ่งสะท้อนถึงการต้องการควบคุมมาตรฐานและประสบการณ์ของแบรนด์อย่างใกล้ชิดในช่วงของการปรับภาพลักษณ์ครั้งสำคัญนี้

โดยสรุป การเปิด Flagship Store ที่ CW Tower ของ Coffee World จึงเป็นมากกว่าการเปิดร้านใหม่ แต่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นทิศทางการรุกตลาดครั้งใหม่ ที่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน ยกระดับแบรนด์สู่พรีเมียม และใช้ความแข็งแกร่งของ Ecosystem ในเครือ PTG มาเป็นแต้มต่อในการแข่งขันที่ดุเดือดนี้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา