รู้หรือไม่ว่าแบรนด์ Chupa Chups (จูปาจุ๊บส์) มีอายุมากกว่า 50 ปีแล้ว แถมยังทำตลาดถึง 150 ประเทศ และจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ทั้งรสชาติ และ Logo จึงถูกนำมาพัฒนาเป็นสินค้าอุปโภค เพื่อเพิ่มโอกาสรายได้อีกทางหนึ่ง
เริ่มต้นแบบมี Story และคงจุดนั้นเอาไว้
การเริ่มต้นของแบรนด์ Chupa Chups นั้นต้องย้อนไปในปี 1958 หรือกว่า 50 ปีมาแล้ว โดยตอนนั้นในประเทศสเปนมีชายท้องถิ่นชื่อ Enric Bernat มองเห็นเด็กๆ เริ่มสนุกกับการรับประทานลูกอม เช่นหยิบลูกอมออกจากปากด้วยมือเปล่า เพื่อสำรวจว่าภายในมีอะไรอยู่บ้าง ซึ่งมันสกปรก การนำลูกอมมาเสียบก้านแบบ Chupa Chups ทำมาถึงปัจจุบันจึงเกิดขึ้น
แต่แค่นำลูกอมมาเสียบก้านก็คงไม่ได้ว้าวอะไรมากในสมัยนั้น ทำให้ Enric ตัดสินใจดึง Salvador Dali ศิลปินวาดภาพชื่อดังในขณะนั้นมาช่วยออกแบบ Logo ให้เป็นที่จดจำ และมันก็ถูกใช้มาถึงตอนนี้ เช่นกันกับชื่อแบรนด์ที่ก่อนจะมาเป็น Chupa Chups ก็ใช้ชื่อ Gol มาก่อน แต่มันไม่ค่อยดี จึงนำเสียงการเลียลูกอมมาปรับให้เป็นชื่อแบรนด์แทน
และจากความแข็งแกร่ง แถมมี Story มาเนิ่นนาน คงไม่แปลกที่หลายๆ แบรนด์อยาก Collaboration กับ Chupa Chups ที่ผ่านมาก็มีทั้งไอศกรีม Walls ที่ออกรสชาติ Chupa Chups รวมถึงแผ่นให้กลิ่นหอมในรถยนต์ภายใต้แบรนด์ตัวเอง แต่ให้ผู้ผลิตรายหนึ่งซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิต และล่าสุดกับตัวสินค้า Personal Care กลุ่มดูแลผิว และเส้นผม
ตลาดไทยที่ท้าทาย แต่ยังมีโอกาส
สำหรับตัวสินค้า Personal Care นั้นมีการนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยโดยบริษัท เทค แอนด์ แคร์ คอนเซ็ปต์ จำกัด ประกอบด้วย 3 หมวดสินค้าคือ กลุ่มครีมอาบน้ำ, กลุ่มครีมทาผิว และกลุ่มครีมทามือกับเล็บ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เริ่มจำหน่ายใน Tops Supermarket มาประมาณเดือนเศษ และค่อนข้างได้ผลตอบรับที่ดี
ชุลี บุญสถิรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทค แอนด์ แคร์ คอนเซ็ปต์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ได้นำเข้าตัวแผ่นให้ความหอมเข้ามาทำตลาดก่อน เพราะเห็นแนวโน้มในต่างประเทศค่อนข้างดี และเมื่อขายจริงในไทยก็เป็นเช่นั้น ซึ่งตัวสินค้ากลุ่ม Personal Care ในช่วงทดลองตลาดก็ทำได้ดี โดยเป็นสินค้าที่ผู้ซื้อต้องการเป็นลำดับต้นๆ ของ Tops Supermarket
5,800 ล้านบาทกับความท้าทาย
สำหรับตลาดครีมอาบน้ำในประเทศไทยปัจจุบันมีมูลค่า 5,800 ล้านบาท และถือเป็นตลาดที่ปราบเซียน เพราะมีพี่ใหญ่ในตลาดจำนวนมาก และแต่ละรายก็เป็นแบรนด์ FMCG ระดับสากลทั้งนั้น ดังนั้นการจะอยู่รอดในตลาดนี้ต้องสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า ถ้าทำได้เรื่องราคาก็คงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอะไร
สรุป
จากนี้ไปเราคงได้เห็นการขายลิขสิทธิ์ของแบรนด์เก่าแก่ออกมาเหมือนที่ Chupa Chups ทำมากขึ้น เพราะมันช่วยสร้างความยั่งยืนของแบรนด์อีกทางหนึ่ง ไม่ได้หวังรายได้แค่ฝั่งยอดขายสินค้าปกติเสมอไป แต่สำหรับตลาดไทยแล้ว ก็คงต้องวัดกันอีกทีว่าตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยนั้นเก่งขนาดไหน เพราะถึงมีแบรนด์ระดับโลกในมือ แต่ทำตลาดไม่เป็นก็ใช่ว่าจะโต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา