ร้านโชนัน x ส.ขอนแก่น เกมของร้านอาหารญี่ปุ่นเจอกับวัตถุดิบไทยๆ

เป็นการโคแบรนด์ที่น่าสนใจในวงการร้านอาหาร เมื่อร้านโชนันจับมือกับส.ขอนแก่น นำวัตถุดิบอาหารพื้นบ้านอย่างหมูยอ แหนมมาอยู่ในเมนูอาหารญี่ปุ่น เป็นการขยายฐานลูกค้า และสร้างความแปลกใหม่

ต้องสร้างความแตกต่างให้ร้านอาหาร

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้เห็นกลยุทธ์การ Collaboration หรือการโคแบรนด์ของกลุ่มร้านอาหารเพิ่มมากขึ้น มีทั้งการโคแบรนด์ของกลุ่มร้านอาหารด้วยกันเอง หรือจะเป็นการร่วมมือกับแบรนด์นอกธุรกิจเพื่อสร้างสีสันในตลาด

ChouNan หรือโชนัน ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นโดยบริษัท ดิ ออริจินัล ฟาร์ม จำกัด เมนูหลักจะเป็นข้าวหน้าต่างๆ เป็นเมนูที่ทานง่ายๆ ปัจจุบันมี 20 สาขา ทำเลส่วนใหญ่อยู่ตามศูนย์การค้า

แต่ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีมูลค่า 18,000 ล้านบาท ขึ้นชื่อว่ามีการแข่งขันสูงมาก มีทั้งผู้เล่นรายใหญ่ และผู้เล่นจากต่างประเทศ และร้านโลคอลเล็กๆ มากมายอยู่ทั่วประเทศ การสร้างความแตกต่างในตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงดูดผู้บริโภคได้

ในปีนี้โชนันได้ประกาศโคแบรนด์กับ “ส.ขอนแก่น” แบรนด์วัตถุดิบอาหารพื้นบ้านกลุ่มหมูยอ แหนม หมูแผ่น ในการพัฒนาเมนูพิเศษร่วมกัน ภายใต้แคมเปญ “โชนันตำรับแซ่บแบบไทย” มี 3 เมนู ราเมง/อูด้งต้มยำแหนม, ข้าวหน้าเท็มปุระหมูยอ และน้ำตกไก่ทอดหมูยอกระทะร้อน

กุลวัชร ภูริชยวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิ ออริจินัล ฟาร์ม จำกัด บอกว่า

“โชนันเปิดมาแล้ว 10 ปี มีไอเดียในการสร้างเมนูอาหารใหม่ๆ ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้มีเมนูข้าวแกงกะหรี่ชาเขียว หรือโชนันคอฟฟี่ โบล ซึ่งเป็นน้ำซุปกาแฟ แต่เป้าหมายของแบรนด์ในตอนนี้จะเน้นสินค้าที่ใช้วัตถุดิบคนไทย จึงร่วมมือกับส.ขอนแก่น”

แบรนด์ไทยเจอไทยในสไตล์ญี่ปุ่น

ร้านโชนันแม้จะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่่น แต่ก็เป็นแบรนด์ของคนไทย ในขณะที่ส.ขอนแก่นก็เป็นแบรนด์ไทยแท้เช่นเดียวกัน การผนึกกำลังกันครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการรวมพลังของแบรนด์ไทย สร้างเมนูอาหารร่วมสมัย

กลุวัชรเสริมว่า โจทย์แรกมีการคิดว่า ทำอย่างไรทำให้อาหารไทยอย่างแหนม และหมูยอมาอยู่ในอาหารญี่ปุ่นแล้วอร่อย ซึ่งเป็นความท้าทายตั้งแต่แรก

แน่นอนว่าเป้าหมายของกลยุทธ์ Collaboration อยู่ที่การได้ขยายฐานลูกค้า การแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าซึ่งกันและกัน โชนันเองมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วนทางส.ขอนแก่นมีความเก๋าในตลาดที่อยู่มา 35 ปี ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่มครอบครัว 

การร่วมมือกันครั้งนี้ทำให้แฟนๆ มีการทดลองทานของอีกแบรนด์ แต่แคมเปญนี้จะเป็นระยะสั้นเพียงแค่ 1 เดือนครึ่งเท่านั้น

สรุป

ถือว่าเป็นมิติใหม่ในตลาดร้านอาหาร เมื่อร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นมาเจอกับวัตถุดิบอาหารพื้นบ้าน ที่สำคัญเป็นแบรนด์ไทยทั้งคู่ ยิ่งช่วยเสริมให้แบรนด์ไทยเติบโตมากขึ้นไปอีก

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา