เราได้เห็นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้วงการเกษตรกรรมหลายๆ ครั้ง ซึ่งได้ทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในครั้งนี้ทีมงาน Brand Inside บุกไปถึงจังหวัดสระแก้ว ที่นั่นมีฟาร์มขนาดใหญ่บนพื้นที่ 800 ไร่ แต่ใช้คนจัดการดูแลเพียง 8 คนเท่านั้น! อ่านตัวเลขไม่ผิดหรอก เรามาดูกันดีกว่า
สถานที่แห่งนี้คือ ฟาร์มช็อคโกแลตเค้ก (Chocolate Cake Farm) ฟาร์มชื่อของหวานน่ากินนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 800 ไร่ ของตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เป็นฟาร์มผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งมีผู้ก่อตั้งร่วมกัน 3 ท่าน โดยเราได้พูดคุยกับ คุณจิรพงษ์พันธ์ พิมพ์ภูราช หนึ่งในผู้ก่อตั้งถึงที่มาที่ไป และการดูแลจัดการฟาร์มขนาดใหญ่นี้
เกษตรกรรมคือความยั่งยืนในอนาคต
คุณจิรพงษ์พันธ์ เล่าให้เราฟังว่า ฟาร์มแห่งนี้เกิดจากผู้ก่อตั้ง 3 คน ที่มีพื้นฐานจากคนละสายอาชีพ แต่สนใจธุรกิจเกษตรกรรมร่วมกัน โดยนำความสามารถทักษะแต่ละคนมาประยุกต์ใช้ ซึ่งทั้งสามเชื่อว่าธุรกิจเกษตรยังมีความเป็นไปได้ และมีโอกาสอีกมาก ที่จะพัฒนาจนเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน
เหตุผลที่มองว่า เกษตรกรรมคืออนาคต เพราะความต้องการของผู้บริโภคนั้นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นโอกาสทางการตลาดในระยะยาว สิ่งที่พบคือความต้องการสินค้าต้นน้ำ นั่นคืออาหารสัตว์ก็มีเพิ่มขึ้นมาก และไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดกลางน้ำ-ปลายน้ำ ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย คุณจิรพงษ์พันธ์ ยกตัวอย่างว่าโคนมเป็นตลาดที่กำลังเติบโตสูง แต่อาหารโคนมนั้นผลิตได้ไม่พอกับความต้องการ
พื้นที่ 800 ไร่ในอำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้วนี้ ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ฟาร์มยังได้ร่วมมือส่งเสริมการปลูกข้าวโพดอีกที่เพชรบูรณ์บนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ โดยข้าวโพดนี้เป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารหมัก หรือ Corn Silage โดยมีทั้งผลิตเพื่อส่งขายในประเทศและต่างประเทศ (คุณจิรพงษ์พันธ์พูดย้ำหลายครั้งมาก ว่าตอนนี้ความต้องการทั่วโลกสูงจริงๆ ผลิตยังไงก็ไม่ทัน)
เทคโนโลยีการจัดการสมัยใหม่ในการเกษตร
สิ่งที่น่าสนใจของ Chocolate Cake Farm เนื่องจากเป็นฟาร์มที่ก่อตั้งไม่นานนัก จึงพยายามคิดใหม่ทำใหม่ โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการฟาร์ม ทำให้สามารถลดต้นทุนได้จากฟาร์มแบบดั้งเดิม
คุณจิรพงษ์พันธ์เล่าให้ฟังด้วยความภูมิใจว่า พื้นที่ฟาร์มนั้นแม้จะใหญ่ถึง 800 ไร่ แต่สมาชิกในฟาร์มมีกันเพียง 8 คนเท่านั้น! ฟาร์มได้ศึกษาเทคโนโลยีการจัดการสมัยใหม่ ทั้งจากฝั่งอเมริกาและในเอเชียผสมผสานกันไป โดยหลักสำคัญคือเป็นเทคโนโลยีที่ทดแทนแรงงานคน อาทิ การใช้ระบบนำร่อง GPS ในการไถ พรวนดิน เตรียมพื้นที่เพาะปลูก มีการนำระบบ Pivot มาควบคุมการให้น้ำที่สามารถสั่งการได้ผ่านมือถือ จนถึงการใช้โดรนในการสำรวจพื้นที่และให้ปุ๋ยน้ำ
ผลของการใช้เทคโนโลยีนั้นนอกจากนี้ไม่ต้องใช้คนจำนวนมาก ผลลัพธ์ที่ได้คือการวางแผนการเพาะปลูกที่แม่นยำมากขึ้น เป็น Precision Farming โดยทางฟาร์มยังคงมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ต่อไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตามการพยายามเป็นฟาร์มที่ใช้เทคโนโลยีเต็มขั้นก็มีความท้าทายเช่นกัน เนื่องจากเทคโนโลยีหลายอย่างมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมแตกต่างจากเมืองไทย ก็เป็นความยากในการปรับใช้ อีกทั้งเครื่องจักรเหล่านี้ก็ยังพึ่งพาทักษะช่างฝีมือในการดูแลรักษา และสำคัญที่สุดก็คือบุคลากรในฟาร์มที่ต้องปรับเรียนรู้กับสิ่งแปลกใหม่นี้อยู่มาก ซึ่งทางฟาร์มก็ยังคงดำเนินงานกับสิ่งเหล่านี้อยู่
ผลิตผลหลักของฟาร์มคือ ข้าวโพด หญ้าเนเปียร์ ข้าวฟ่าง อ้อย ฟังดูอาจไม่ต่างจากฟาร์มอื่น แต่ด้วยเทคโนโลยีที่นำมาปรับใช้ ก็จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันได้ดีกว่านั่นเอง
ใครๆ ก็หันมาสู่วงการเกษตร
การสนทนาของเราปิดท้ายด้วยข้อสังเกตว่า เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกับธุรกิจการเกษตรมากขึ้น และพยายามสร้างฟาร์มที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่เช่น Smart Farm ที่เราได้ยินบ่อยครั้ง คุณจิรพงษ์พันธ์ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้ที่จะเข้ามาตรงนี้ควรศึกษาธุรกิจเกษตรให้ดี ลึกซึ้ง และแตกฉาน อยากให้มองเกษตรในเชิงอุตสาหกรรม ที่ผลิตผลสามารถนำไปขายได้จริง มีกำไรเลี้ยงตนเองได้
ปัจจุบัน Chocolate Cake Farm ก็ยังเดินหน้าพัฒนาฟาร์มต่อเนื่อง มีการศึกษาวิจัยทางวิชาการ แสวงหาความรู้ใหม่ๆ ร่วมมือกับทั้งมหาวิทยาลัย Wisconsin ในสหรัฐอเมริกา และมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตสระแก้ว ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ เพื่อเฟ้นหาบุคลากร-นิสิต มาทำธุรกิจเกษตรในเชิงอุตสาหกรรม สามารถพัฒนาเป็นเจ้าของกิจการได้อย่างเต็มตัว ซึ่งทางฟาร์มก็ยินดีจะให้ความรู้ทางการทำธุรกิจเกษตรเชิงอุตสาหกรรมกับผู้ที่สนใจ
สุดท้ายเราถามคำถามที่สงสัยมาตั้งแต่ต้น ว่าทำไมฟาร์มถึงตั้งชื่อเป็นของหวานน่าทานแบบนี้ คำตอบคือ ธุรกิจการเกษตรนี้เป็นหนึ่งในเครือ PIEtology ซึ่งมีอีกหลายธุรกิจในเครือ ล้วนเป็นชื่อขนม อาทิ Blueberry, Cheese Cake ฯลฯ นั่นเอง
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของ Chocolate Cake Farm ได้ที่ Facebook : Childish Project
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา