ทำไม Chobani บริษัทโยเกิร์ตอายุแค่ 16 ปี ถึงครองตลาดสหรัฐได้ 1 ใน 5 และจะ IPO ใน NASDAQ

Chobani คือใคร ทำไมถึงครองตลาดโยเกิร์ตในสหรัฐได้ถึง 1 ใน 5 แม้เพิ่งก่อตั้งมาแค่ 16 ปี แถมกำลังจะ IPO ในตลาด NASDAQ? ติดตามได้ในบทความนี้

Chobani

Chobani บริษัทผู้ผลิตโยเกิร์ตชื่อดังในสหรัฐได้ยื่น Filing เพื่อเข้า IPO ในตลาด NASDAQ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งที่น่าสนใจคือ Chobani เพิ่งก่อตั้งได้เพียง 16 ปี แต่กลับมีส่วนแบ่งในตลาดโยเกิร์ตมากที่สุดในสหรัฐ และที่สำคัญบริษัทโยเกิร์ตกำลังจะเข้าไปมีชื่อในดัชนี NASDAQ

Chobani ไม่ได้เป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอาหาร แต่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดโยเกิร์ตสหรัฐได้ถึง 20% และถ้านับเฉพาะกรีกโยเกิร์ต Chobani ก็สามารถครองส่วนแบ่งไปได้ถึง 44% เป็นเบอร์ 1 ในตลาด นำหน้าคู่แข่งที่เป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารอย่าง General Mills, Yoplait, และ Dannon

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจนมข้าวโอ๊ตที่ Chobani มีส่วนแบ่งตลาดถึง 15% แม้จะเพิ่งออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาเมื่อปี 2020 ก็ตาม ถือเป็นเบอร์ 3 ในตลาดนี้เลยทีเดียว

คำถามคือจากธุรกิจโยเกิร์ตเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมอาหาร Chobani ทำอย่างไรถึงสามารถขึ้นเจ้าตลาดโยเกิร์ตเบอร์ต้นๆ ของสหรัฐ Brand Inside จะพาทุกท่านไปหาคำตอบในบทความนี้

จากผู้อพยพสู่เจ้าตลาดโยเกิร์ต

ที่มาของ Chobani เกิดจากการที่ Hamdi Ulukaya ผู้เป็น CEO ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กก่อนอพยพมายังสหรัฐในตุรกีและมีความคุ้นเคยกับโยเกิร์ตโฮมเมดคุณภาพสูงจากฟาร์มแกะของครอบครัว จนในปี 2005 เขาก็ได้ซื้อโรงงานโยเกิร์ตในนิวยอร์กและเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่นั้นมา

จนถึงตอนนี้ Chobani มีพนักงานกว่า 2,000 คน ผลิตสินค้าวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกกว่า 95,000 แห่งเท่าโลก และเริ่มผลิตสินค้าชนิดอื่นวางจำหน่าย เช่น นมข้าวโอ๊ต และครีมเทียม 

โดย Ulukaya กล่าวว่าบริษัทของเขามีความสดใหม่ พลังงานล้นเหลือ และมี mindset แบบผู้ประกอบการจึงพยายามพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา

ความรวดเร็ว นวัตกรรม คือหัวใจของ Chobani

Ulukaya บอกว่า คู่แข่งของเขาคือบริษัทยักษ์ใหญ่ 2-3 เจ้า ดังนั้น ถ้าเขาทำอะไรสำเร็จขึ้นมาสักอย่าง อีกไม่นานเจ้าที่เหลือก็จะทำตามได้ในแบบที่เร็วกว่าและดีกว่า ดังนั้น ด้วยความที่เขาเป็น startup แล้ว เขาไม่ได้มีทางเลือกอะไรมากนักนอกจากต้องเร็ว เร็ว แล้วก็เร็วกว่าใครๆ ในอุตสาหกรรมนี้จริงๆ

วิธีการของเขาก็คือการครอบครองห่วงโซ่การผลิตบางส่วนเอาไว้ เผื่อเวลานึกไอเดียอะไรออกขึ้นมาก็จะได้ลงมือทำให้สำเร็จพร้อมวางจำหน่ายได้อย่างรวดเร็ว เช่น ในปี 2020 Chobani ใช้เวลาไม่ถึงปีในการเปลี่ยนความคิดลอยๆ ที่จะทำนมข้าวโอ๊ตให้กลายเป็นสินค้าที่พร้อมวางจำหน่ายจริงๆ และที่สำคัญสามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดมาได้ถึง 15% มีส่วนแบ่งในตลาดนมข้าวโอ๊ตใหญ่เป็นอันดับ 3 ในสหรัฐ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีศูนย์วิจัยเพื่อให้นักจุลชีววิทยาและนักชีวเคมีสามารถวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านอาหารใหม่ๆ นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บริษัทสามารถปรับตัวสร้างสิ่งใหม่ๆ ออกมาได้อย่างรวดเร็ว 

ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ไร้น้ำตาลหรือผลิตภัณฑ์ขนม โดยในปีที่ผ่านมาสินค้าที่ไม่ใช่โยเกิร์ตสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ถึง 1.58 ร้อยล้านเหรียญ จากรายได้ทั้งหมด 1.4 พันล้านเหรียญ หรือกว่า 1 ใน 10 ของรายได้ทั้งหมด

ที่มา – QZ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

บาส รชต สนิท - นักข่าว นักเขียน ที่ Brand Inside | สนใจด้าน Future of Work, สิทธิคนทำงาน, สิ่งแวดล้อม, การเมืองโลก, ปัญหาทุนนิยม และ สิทธิมนุษยชน