คาบ้านของจริง เมื่อทีวีแบรนด์จีนดันขายดีในญี่ปุ่นมากกว่ายี่ห้อที่ผลิตจากประเทศตนเอง
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่เกินครึ่งของยอดขายทีวีในญี่ปุ่นมาจากบริษัทจีน และเมื่อดูส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์จีน จะพบว่า
- TVS Regza บริษัทลูกของ Hisense ครองส่วนแบ่งมากที่สุด (25.4%)
- Hisense ครองส่วนแบ่งสูงเป็นอันดับ 3 (15.7%)
- TCL ครองส่วนแบ่งสูงเป็นอันดับ 4 (9.7%)
โดยแบรนด์ทั้งหมดที่กล่าวไปนี้ มีส่วนแบ่งในตลาดมากกว่าแบรนด์ดังประจำประเทศอย่าง Sony และ Panasonic เสียอีก
อะไรคือกลยุทธ์การซื้อใจชาวญี่ปุ่นของบริษัทจีนกัน?
ขายตัดราคาได้เพราะต้นทุนต่ำ
ความจริงคือ แบรนด์จีนเร่งรุกตลาดทีวีญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2020 แล้ว และภายใน 4 ปีนี้ พวกเขาสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 20% โดยมีปัจจัยสำคัญคือราคาที่ถูกกว่าหลายเท่า
ยกตัวอย่างเช่น Hisense ขายทีวี LCD ขนาด 55 นิ้วในราคาต่ำกว่า 21,000 บาท แต่ Panasonic ขายแพงถึง 43,000 กว่าบาทเลย
เคล็ดลับการขายถูกของแบรนด์จีนไม่ใช่เทคนิคใหม่อะไร เพราะพวกเขาเน้นซื้ออุปกรณ์การผลิตในปริมาณมากๆ แลกกับต้นทุนที่ต่ำกว่า และพวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่หมดด้วย เพราะมีช่องทางระบายสินค้าในหลายประเทศทั่วโลก
ยิ่งในช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ของถูกๆ อย่างแบรนด์จีนก็ยิ่งเป็นที่ต้องการมากตาม
ถูกใจคนรุ่นใหม่ เข้าใจคนญี่ปุ่น
นอกจากราคาอันย่อมเยาว์แล้ว แบรนด์จีนยังเข้าใจดีว่าคนญี่ปุ่นต้องการอะไร เช่นเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ‘Xiaomi’ เปิดตัวทีวีขนาด 43 นิ้ว ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจคนญี่ปุ่นสายเกมเมอร์โดยเฉพาะ
ยิ่งไปกว่านั้น จากที่เคยเน้นแค่ทีวีขนาดไม่เกิน 40 นิ้ว พวกเขาก็หันมาโฟกัสที่โทรทัศน์ขนาดใหญ่และพรีเมียมมากขึ้นแทน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคญี่ปุ่น
กลายเป็นว่าตอนนี้ วัยรุ่นญี่ปุ่นเลยคุ้นเคยกับทีวีแบรนด์จีนมากกว่ายี่ห้อบ้านเกิด ซึ่งคนขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศก็บอกว่า ถ้าเด็กๆ จะเข้ามาซื้อโทรทัศน์ พวกเขามักถามหาแบรนด์จีนก่อนเสมอ
แบรนด์ญี่ปุ่นไม่ปล่อยผ่าน หวังซื้อใจกลับมาด้วยเทคโนโลยี
แน่นอนว่า แบรนด์ญี่ปุ่นไม่ยอมปล่อยให้จีนเอาชนะไปเรื่อยๆ เพราะพวกเขามีแผนดึงส่วนแบ่งการตลาดกลับมาด้วยการผสานนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไปในโทรทัศน์
ตอนนี้ Sony ได้ร่วมมือกับ ‘Amazon’ บริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดังระดับโลกในการพัฒนาทีวีที่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าจอแสดงผลไปตามเนื้อหาที่กำลังรับชมโดยอัตโนมัติ
เช่น หากคุณกำลังรับชมภาพยนตร์ แสงสีเสียงของหน้าจอก็จะเป็นไปตามการตั้งค่าปกติของหนังเรื่องนั้นๆ แต่ถ้าคุณดูรายการกีฬา จอทีวีจะปรับอัตโนมัติให้ภาพสว่างขึ้น และเคลื่อนไหวลื่นกว่าเดิม
ส่วน Panasonic เอง ก็เพิ่งเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่สามารถแนะนำเนื้อหาในการรับชมได้ ด้วยการอิงจากประวัติและความชื่นชอบของผู้ใช้งาน
เกาหลีใต้คือผู้ร่วมชะตากรรม
ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่นที่โดนทีวีแบรนด์จีนรุกตลาด แต่เกาหลีใต้ก็กำลังเจอศึกหนักไม่แพ้กัน
เป็นที่ทราบกันดีว่า เกาหลีใต้มีแบรนด์ชื่อดังอย่าง Samsung และ LG อยู่แล้ว แต่การเข้ามาของสินค้าจีนกลับทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทุกประเภทต้องสั่นคลอน
ปัจจุบัน แบรนด์โทรทัศน์จีนกำลังมุ่งหน้าตีตลาดทีวีพรีเมียม ซึ่งเป็นตลาดเดียวกันกับ Samsung และ LG โดยทำได้ดีมาก ถึงขั้นที่ร้านขายทีวีแห่งหนึ่งในเกาหลีใต้เลือกเอารุ่น 98 นิ้วของ TCL มาโชว์เด่นๆ อยู่หน้าร้าน
ผู้จัดการร้านขายทีวีเล่าว่า แบรนด์จีนเป็นที่นิยมของชาว Gen Y แม้กระทั่งรุ่นที่ขายในราคา 4 หมื่นถึง 7 หมื่นบาท ก็ยังขายออก โดยมียอดซื้อเฉลี่ยประมาณ 6 เครื่องต่อเดือน
พอทีวีขายดี แบรนด์จีนจึงเริ่มบุกเกาหลีใต้หนักขึ้นด้วยการเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ มาตีตลาดตาม และแน่นอนว่าพวกเขาประสบความสำเร็จ
เช่น ส่วนแบ่งการตลาด ‘เครื่องดูดฝุ่น’ ของแบรนด์ต่างประเทศในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นจาก 38.9% ในปี 2022 เป็น 50% ในเดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งเปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ได้มาจากสินค้าจีน
ท้ายสุด ญี่ปุ่นจะสามารถซื้อใจคนในประเทศกลับมาด้วยเทคโนโลยีได้จริงหรือเปล่า? แล้วเกาหลีใต้จะรับมือแบบไหน หรือสุดท้าย จีนก็จะครองโลกอย่างที่หลายๆ คนเขาว่ากัน?
ที่มา: Nikkei Asia, The Chosun Daily, Flat Panels HD
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา